การแข่งขันเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 หรือกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ของนักกีฬาคนพิการ มีพิธิเปิดเป็นทางการ อย่างยิ่งใหญ่เมื่อ 22 ต.ค.ที่ผ่านมาที่ หางโจว โอลิมปิก สปอร์ตส์ เซนเตอร์ เจ้าภาพโขว์ธีมการแสดง ดอกหอมหมื่นลี้สีทอง เสน่ห์ของเมืองหางโจว ที่จะคอยต้อนรับ และให้พรแก่นักกีฬาแต่ละประเทศ การแสดงแต่ละชุดมีนักแสดงผู้พิการร่วมแสด พร้อมโชว์“วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ผู้ชมทางบ้านได้เห็นแสงสีเสียงผ่านเทคโนโลยี เออาร์ (AR)สวยงาม ผู้ถือคบเพลิงคนสุดท้ายมีการติดตั้งแขนหุ่นยนต์ที่ควบคุมโดยระบบควบคุมสมอง อันแข็งแกร่งเพื่อชดเชยข้อบกพร่องทางกายภาพ

ทัพนักกีฬาไทย เดินขบวนออกมาเป็นลำดับ 37 ของชาติที่เข้าแข่งขันในเอเชียนพาราเกมส์ โดยมีผู้ถือธง 2 คนคือ “เงือกปิ่น” อัญชญา เกตุแก้ว นักว่ายน้ำราชินีสระ เจ้าของ 7 เหรียญทอง อาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ที่กัมพูชา และ “ต้น” เอกสิทธิ์ จูมเจริญ กัปตันทีมวีลแชร์บาสเกตบอล ที่พาทีมคว้า 2 ทอง อาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ที่กัมพูชา
สำหรับเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ไทยส่งนักกีฬา รวมเจ้าหน้าที่เข้าร่วมทั้งหมด 453 คน แบ่งเป็นชาย 186 คน หญิง 121 ผู้ช่วยเหลือนักกีฬาชาย 20 คน ผู้ช่วยเหลือนักกีฬาหญิง 6 คน และผู้ฝึกสอน 120 คน
“บิ๊กก้อง” มั่นใจโกยทองมากกว่าเดิม
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ โรงแรมซัมเมอร์เซ็ต ไอโอซี หางโจว เมืองหางโจว ประเทศจีน “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นประธานพิธีเปิด ศูนย์อำนวยการคณะนักกีฬาไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย (ไทยเฮาส์) เพื่อสนับสนุนนักกีฬาไทยในการแข่งขัน เอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 22-28 ต.ค.นี้ โดยมี นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา, นางโปรดปราน สมานมิตร รองผู้ว่าการ กกท.ฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ, พลตรีโอสถ ภาวิไล หัวหน้าคณะนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย เข้าร่วม
ดร.ก้องศักด กล่าวว่า วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยการคณะนักกีฬาไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย ในการแข่งขันเอเชียน พาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ซึ่งนโยบายของ กกท. ภายใต้การนำของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์การกีฬา และเน้นย้ำให้ทุกสมาคมนำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ทั้งก่อน และระหว่างการแข่งขัน ซึ่งครั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ศูนย์อำนวยการคณะนักกีฬาไทย จะช่วยสนับสนุนศักยภาพในทุกๆด้าน โดยเฉพาะกับนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ให้เกิดความพร้อมที่สุดในช่วงการแข่งขัน

ดร.ก้องศักด เผยอีกว่า สำหรับเอเชียน พาราเกมส์ ครั้งก่อน ปี 2018 ที่อินโดนีเซีย ทัพนักกีฬาไทย คว้ามาได้ 23 เหรียญทอง และครั้งนี้เราตั้งเป้าไว้ 29 เหรียญทอง ยอมรับว่าเป็นงานที่ยากลำบาก เพราะเราทราบดีว่า จีน นั้นแข็งแกร่ง เห็นได้จาก เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่ผ่านมา ก็มีการรายงานผลหลังจบการแข่งขัน ซึ่งทัพไทย อาจจะทำผลงานไม่ตามเป้าหมาย 15 เหรียญทอง แต่ก็เก็บเหรียญทองได้มากกว่าครั้งก่อน และหากดูจากชาติชั้นนำอย่าง ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ก็ได้เหรียญน้อยลงเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นว่า ศูนย์อำนวยการคณะนักกีฬาไทย แห่งนี้จะช่วยสนับสนุนให้นักกีฬาไทย แสดงผลานเต็มศักยภาพ และทำผลงานได้ไม่น้อยกว่าครั้งที่แล้ว

สำหรับศูนย์อำนวยการคณะนักกีฬาไทย โดยฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จะให้บริการด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา และจิตวิทยา กับทัพนักกีฬาไทย ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 โดยเปิดให้บริการตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 28 ต.ค.นี้
นอกจากนั้น เมื่อ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา “รมต.ปุ๋ง” นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้ออกเดินจากประเทศไทย มายังเมืองหางโจว แล้วเรียบร้อย เพื่อเยี่ยมชม และให้กำลังใจนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่เมืองหางโจว
โค้ชมั่นใจวีลแชร์เรซซิ่งผงาด
นายสุพรต เพ็งพุ่ม ผู้ฝึกสอนวีลแชร์เรซซิ่งทีมชาติไทย เปิดเผยว่า สภาพร่างกายของนักกีฬาทุกคนค่อนข้างสมบูรณ์ ตอนมาถึงจีนอาจจะสภาพอากาศเล่นงานเล็กน้อย แต่ตอนนี้ทุกคนก็ฟิตพร้อมลงสนาม สำหรับเป้าหมายของทัพวีลแชร์เรสซิ่ง ก็ไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่แน่ชัดว่าจะได้กี่เหรียญทอง เพราะไม่อยากกดดันนักกีฬา แต่ก็กำชับนักกีฬาให้ทำเต็มที่เหมือนตามที่ซ้อมเอาไว้ ซึ่งถ้าทำได้เชื่อว่าจะมีเหรียญรางวัลติดมือแน่นอน
“ส่วนนักกีฬาความหวังของเรานั้นก็มีทั้ง “กร” พงษกร แปยอ,”บีม” ชัยวัฒน์ รัตนะ , “ฟิว” อธิวัฒน์ แพงเหนือ ที่เพิ่งไปคว้าแชมป์โลกที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะ ชัยวัฒน์ ที่ทำได้ถึง 2 ทอง เช่นเดียวกับประวัติ วะโฮรัมย์ ที่คว้าเหรียญเงินมาได้ ด้วยสถิติแข็งแกร่งสุดในเอเชีย เชื่อว่านักกีฬาทุกคนก็พร้อมที่เดินหน้ากวาดเหรียญให้ได้มากที่สุด” สุพรต เพ็งพุ่ม กล่าวปิดท้าย

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันนักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งไทย ในวันที่ 23 ต.ค. มีชิง 3 เหรียญทอง ประเภท 100 ม. คลาส T34 ชาย ชัยวัฒน์ รัตนะ เจ้าของเหรียญทอง 100 ม. ศึกชิงแชมป์โลก 2023 ที่ฝรั่งเศส จะลงลุ้นเหรียญทองแรก, ขณะที่ประเภท 1,500 ม. หญิง คลาส T54 ทีมชาติไทยส่ง 3 สาวอย่าง เตชินี ตวงอินทร์, หยาดฟ้า ซุยอุ้ย, อาทิตยา ชูเกิด ลงชิงเหรียญรางวัล และ ประเภท 5,000 ม. ชาย คลาส T54 ลง 3 นักกีฬาลงแข่งขันนำโดยจอมเก๋าอย่าง ประวัติ วะโฮรัมย์ แชมป์เก่าเจ้าของเหรียญทองเอเชียนพาราเกมส์ครั้งที่ 3 ที่อินโดนีเซียและเพิ่งคว้าเหรียญเงินในศึกชิงแชมป์โลก 2023 ที่ฝรั่งเศส , ภูธเรศ คงรักษ์ เจ้าของเหรียญทองแดงพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น และ สายชล คนเจน เจ้าของเหรียญทองแดงพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในรุ่น 800 ม. ลงทำการแข่งขัน ฃ
นอกจากนั้นยังมีแข่งขัน 1,500 ม. ชายคลาส T54 รอบคัดเลือก ซึ่งทางทีมชาติไทยก็ส่ง ประวัติ วะโฮรัมย์, ภูธเรศ คงรักษ์ และ สายชล คนเจน ลงทำการแข่งขันทั้ง 3 คน โดย ประวัติ เป็นแชมป์เก่าในครั้งที่แล้วที่อินโดนีเซีย ขณะที่ ภูธเรศ ก็คว้าเหรียญเงินมาครองในปีดังกล่าวเช่นกัน

แววจองทองฟันดาบเอเป้
“แวว” สายสุนีย์ จ๊ะนะ นักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบ มือ 1 ของโลก ที่คว้าเหรียญทองเอเชียนพาราเกมส์ มาแล้ว 3 เหรียญทอง จาก 3 สมัย เผยถึงความพร้อมในการแข่งขันเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ว่า ตอนนี้สภาพร่างกายไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องกังวล โดยตนจะลงแข่งขันทั้งสิ้น 6 รายการประกอบด้วย เอเป้ บุคคลหญิง คลาสบี, ฟอยล์ บุคคลหญิง คลาสบี, เซเบอร์ บุคคลหญิง คลาสบี, เอเป้ ประเภททีมหญิง, ฟอยล์ ประเภททีมหญิง, เซเบอร์ ประเภททีมหญิง ซึ่งเบื้องต้นขอตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1 เหรียญทอง ในประเภท เอเป้ บุคคลหญิง ที่เป็นแชมป์เก่าก่อน ต้องการรักษาแชมป์ให้ได้ ส่วนรายการอื่นๆหวังติดเหรียญ
“แวว” สายสุนีย์ เผยต่อว่า ปัจจุบันตนเป็นมือ 1 ของโลกอยู่ และเพิ่งคว้าเหรียญทองชิงแชมป์โลกมา อย่างไรก็ตามตอนนี้ตนมีเป้าหมายอยู่ที่การคว้าเหรียญทอง พาราลิมปิกเกมส์ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปีหน้า
“ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าหลังจบ ปารีสเกมส์ อาจจะเลิกเล่นแล้ว แต่ด้วยความที่ยังรักกีฬาอยู่ กลัวว่าถ้าเลิกไปแล้วสุขภาพเราจะถดถอยหรือไม่ จึงคิดว่าหลังจากจบเอเชียนพาราเกมส์ ก็จะมุ่งมั่นต่อไปยังเหรียญทองพาราลิมปิกเกมส์ และจะเล่นต่อไปตราบที่ยังคว้าเหรียญในอาเซียนพาราเกมส์ หรือเอเชียนพาราเกมส์ ได้อยู่”
สำหรับกีฬาวีลแชร์ฟันดาบ จะเริ่มชิงชัยวันที่ 23-28 ตุลาคม
รุ่งโรจน์ดับลูกเด้งอิเหนาลั่นจองทอง
การแข่งขันเทเบิลเทนนิส ชายเดี่ยวคลาส 6 กลุ่ม A ความหวังเหรียญทองของไทย รุ่งโรจน์ ไทยนิยม อดีตเหรียญทองพาราลิมปิกเกมส์ ไม่พลาด เมื่อโชว์ฝีมือเหนือชั้นเอาชนะ ฮิดายัท ราห์มัด จาก อินโดนีเซีย 3-0 เกม 11-3,11-6,11-3 เข้าไปเจอกับจีน ซึ่ง รุ่งโรจน์ เผยว่าอันดับโลกนักกีฬาจีนรายนี้กับตนใกล้เคียงกัน ประมาทไม่ได้ แต่ตนมาครั้งนี้ตั้งใจคว้าเหรียญทอง เพื่อคว้าสิทธิไปเล่นพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ปีหน้าที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศสโดยอัตนโนมัติ แม้ว่าตอนนี้ด้วยอันดับโลกของตนจะได้ตั๋วไปปารีสแล้ว แต่เพื่อความแน่นอน และเพื่อความสบายใจ คว้าแชมป์ไปเลยดีกว่า ไม่ต้องมารอลุ้นอีก

ส่วนผลนักกีฬาเทเบิลเทนนิสไทยคู่อื่นๆ ประเภทบุคคลชาย คลาส 4 กลุ่มเอ วันชัย ไชยวุฒิ ชนะ โคซัล ยอย จากกัมพูชา 3-0 เกม, บุคคลชาย คลาส 8 กลุ่มบี พิศิษฐ์ หวังผลพัฒนศิริ ชนะ ซุน ชูเรน จากจีน 3-2 เกม, บุคคลชาย คลาส 11 กลุ่มซี เอกรินทร์ ใช้ประทุม แพ้ ทาเกชิ ทาเกโมริ จากญี่ปุ่น 0-3 เกม, บุคคลชาย คลาส 11 กลุ่มอี คุณานนท์ ดิษฐสุนนท์ แพ้ โคยะ คาโตะ จากญี่ปุ่น 0-3 เกม, บุคคลชาย คลาส 3 กลุ่ม บี ยุทธจักร กลิ่นบานชื่น ชนะ เยอร์ลัน คาซิเยฟ จากคาซัคสถาน 3-0 เกม, บุคคลชาย คลาส 5 กลุ่มเอ ธีรเดช กลางมณี แพ้ เฉิง มิง ชี จากไต้หวัน 0-3 เกม หญิงเดี่ยว คลาส 11 กลุ่มเอ พรวิมล วังประชุม แพ้ นัตซึกิ วาดะ จากญี่ปุ่น 0-3 เกม, หญิงเดี่ยว คลาส 4 กลุ่มซี วิจิตรา ใจอ่อน ชนะ อาฮัด อัลราชีดี จากคูเวต 3-0 เกม, หญิงเดี่ยว คลาส 11 กลุ่มดี พิมลพรรณ ดีคำ แพ้ ยียา ลี ลีเดีย 0-3 จากไต้หวัน
