เมื่อวันที่ 28 ต.ค. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หัวหน้าชุด PCT 5 นำกำลังจับกุม นายกฤติเดช อายุ 27 ปี หรือ เสี่ยมีน vogue ชื่อเดิม ธนาธร ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ และตามหมายจับ 2 หมาย ศาลอาญาที่ จ.11/2566 ลงวันที่ 7 ม.ค. 66 ข้อหา “ลักทรัพย์ใน” (พื้นที่ สน.มีนบุรี) และศาลจังหวัดเชียงรายที่ จ.78/2566 ลงวันที่ 24 ม.ค. 66 ข้อหา “ปลอมเอกสารราชการ หรือใช้เอกสารราชการปลอม และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” (พื้นที่ สภ.เมืองเชียงราย) โดยจับกุมได้ที่บริเวณซอยวิภาวดีรังสิต 17 แยก 10 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจาก นายกฤติเดช ใช้โปรไฟล์ในโลกโซเชียลเป็น “ไฮโซ” ทำทีถ่ายรูปกับรถหรูซึ่งไม่ใช่รถยนต์ตัวเอง โชว์สลิปการโอนเงินเยอะๆ อวดนาฬิกาเรือนแพง กับพวงมาลัยรถหรู โชว์ความรวยในโซเชียล ตระเวนแอดเพื่อนบรรดาไฮโซคนดังตามเพจเพื่อมาเสริมความน่าเชื่อถือในโปรไฟล์ตน ตามตีสนิทไล่ป้อสาวในโลกโซเชียล หวังจะนัดพบเจอได้อย่างง่ายขึ้น ต่อมาเมื่อเหยื่อตกลงปลงใจมาเจอ เสี่ยมีนจะแต่งตัวให้ดูดีมีฐานะคล้ายไฮโซจริงมาพบ จากนั้นจะอวดอ้างว่ารู้จักไฮโซคนดังหรือผู้มีอำนาจ โดยการนัดพบครั้งแรก มักพาเหยื่อหญิงสาวเข้าวัด สร้างภาพเป็นหนุ่มหล่อรวย จิตใจสายบุญ เพื่อหวังเอาทรัพย์สิน โดยเหยื่อส่วนใหญ่จะถูกลักทรัพย์ หากบางรายไหวตัวทัน ก็จะตีตัวออกห่าง และบางรายถูกยกตู้ ยกทีวี หากเมื่อคนร้ายรู้ว่าเธอมีฐานะไม่ดี ก็ยังโทรฯ มาขอยืมเงิน 180 บาทก็เอา โดยหลอกว่าเป็นค่าน้ำมันเพื่อขับรถไปรับ โดยคนร้ายรายนี้ตระเวนก่อเหตุในลักษณะนี้เป็นเวลาหลายปี ผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 30 ราย ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

ต่อมาตำรวจสืบสวนแกะรอย แต่นายกฤติเดชก็หลบหนีไปได้ เพราะเคยถูกจับกุมมาหลายครั้ง ล่าสุดตำรวจพบเบาะแสว่า นายกฤติเดช อยู่กับเหยื่อรายล่าสุดที่กำลังคบหาและกำลังจะหลอกเอารถยนต์ไปจำนำย่านเพชรเกษม จึงนำกำลังชุดสืบสวนเฝ้าติดตาม ก่อนปูพรมทั่วพื้นที่สวนรถไฟกว่า 7 ชั่วโมง กระทั่งจับกุมตัวคนร้ายได้ ที่ซอยวิภาวดีรังสิต 17 กรุงเทพฯ ขณะกำลังจะพาเหยื่อรายล่าสุดนำรถไปจำนำ

สอบสวนนายกฤติเดช ให้การรับสารภาพว่า ตนเองจบชั้น ม.6 ชีวิตลำบากมาก พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ 4 ขวบ ทำให้ขาดคนสั่งสอน เกิดความหลงผิด ลองผิดลองถูกเอง อาศัยที่เป็นหนุ่มหน้าตาดี ชอบถ่ายรูปกับรถหรู เป็นหนุ่มโปรไฟล์ดีในโลกออนไลน์ เลยมีผู้หญิงเข้ามาเยอะ ตนจึงมีแฟนหลายคน คบซ้อนพร้อมกัน 4-5 คน เมื่อมีผู้หญิงเข้ามา ก็จะทำทีคบหากันเพื่อหลอกยืมเงิน โดยเคยยืมสูงสุดหลักล้าน เพื่อไปเล่นพนันออนไลน์จนหมด ทำให้ชีวิตเกิดปัญหา เครียดไม่มีเงิน เกิดปัญหาชีวิตเรื่อยมา ส่วนเรื่องที่ถูกจับตอนปี 63 นั้น เพราะตนได้ทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่งเรื่องยืมเงิน จนทำให้โทรทัศน์ในห้องผู้หญิงคนนั้นพัง จึงยกออกไปขาย

“ยืนยันไม่ได้ขโมย ส่วนเรื่องคดีอื่นๆ ก็เป็นคดีเกี่ยวกับซื้อขายรถ ตนพยายามเคลียร์จนหมดแล้ว พร้อมเปิดหน้าเพื่อให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ และอยากเตือนผู้หญิงในโลกออนไลน์ว่า อย่ามองคนที่ภายนอก เพราะความจริงอาจจะไม่เหมือนที่เห็นในโลกออนไลน์ และขอให้สัญญากับ พล.ต.ต.ธีรเดช ว่า เมื่อพ้นโทษจะกลับตัวเป็นคนดี”

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของภัยสังคมรายนี้ จากการขยายผลการจับกุมในขณะนี้ เราพบพยานหลักฐานและพบข้อมูลเหยื่อและผู้ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่ออีกไม่ต่ำกว่า 10 ราย จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ให้แจ้งมาที่เพจเฟซบุ๊ก สืบสวนนครบาล IDMB เราจะปกปิดข้อมูลของคุณเป็นความลับ แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.