สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ว่ากระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลออกแถลงการณ์ ว่าการที่ฮอนดูรัสเรียกตัวเอกอัครราชทูตประจำกรุงเทลอาวีฟให้เดินทางกลับ สะท้อน “ความเพิกเฉย” ของฮอนดูรัส ที่มีต่อ “สิทธิอันชอบธรรม” ของอิสราเอล ในการต่อสู้ “เพื่อป้องกันตัวเอง” จากกลุ่มฮามาส


ทั้งนี้ อิสราเอลหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าฮอนดูรัสจะร่วมประณามการกระทำของกลุ่มฮามาส ซึ่งเข่นฆ่าและลักพาตัวผู้บริสุทธิ์ สนับสนุนสิทธิอันชอบธรรมของอิสราเอล ในการป้องกันตัวเอง และการไม่ดำเนินการในรูปแบบใดก็ตาม ที่จะเป็นการสนับสนุนกิจกรรมก่อการร้ายของกลุ่มฮามาส


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของฮอนดูรัสเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังโบลิเวียประกาศยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล และเรียกตัวเอกอัครราชทูตให้เดินทางกลับ อนึ่ง โบลิเวียเพิ่งกลับมาสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล เมื่อปี 2562 หลังตัดขาดไปนานราว 1 ทศวรรษ ด้วยชนวนเหตุจากการที่กองทัพอิสราเอลโจมตีฉนวนกาซา


ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศชิลี ประกาศการเรียกตัวเอกอัครราชทูตกลับจากอิสราเอล พร้อมทั้งประณามการที่อิสราเอลละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ปัจจุบัน ชิลีเป็นประเทศซึ่งมีชุมชนชาวปาเลสไตน์ขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้


ด้านรัฐบาลโคลอมเบียเรียกเอกอัครราชทูตของตัวเองกลับจากอิสราเอลเช่นกัน ส่วนบราซิล ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่ประธานหมุนเวียนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) เรียกร้องการหยุดยิงในฉนวนกาซา.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES