เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พา น.ส.น้ำ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี และน.ส.เต้ (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี นำหลักฐานเข้าพบ พ.ต.ท.โกสินทร์ นรสิงห์ รอง ผกก.2 บก.ปคบ. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมหลังไปทำศัลยกรรมใบหน้าที่คลินิกแห่งหนึ่งแต่เกิดผลข้างเคียงจนทำให้เสียโฉม รูปหน้าผิดปกติ

น.ส.น้ำ เปิดเผยว่า ช่วงต้นปี 2565 ได้ไปทำศัลยกรรมจมูกที่คลินิกดังกล่าวย่านถนนรัชดาฯ ในรูปแบบของเคสรีวิวราคาพิเศษ 25,000 บาท แต่หลังจากนั้นจมูกที่เพิ่งทำศัลยกรรมเกิดผิดปกติไม่เข้ารูปต้องรีบแก้ไข โดยมีการถอดซิลิโคนเข้าออกถึง 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์และแก้ไขซ้ำๆ มาต่อเนื่อง รวมทั้งหมด 16 ครั้งในระยะเวลา 1 ปี จนในที่สุดต้องตัดสินใจขอยุติการรักษาเพราะไม่มีอะไรดีขึ้น ซ้ำยังมีแต่แย่ลง ใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก หายใจไม่สะดวก เพราะรูปทรงจมูกผิดปกติ ใบหน้าเสียโฉม

น.ส.เต้ ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า เข้าไปทำศัลยกรรมตา 2 ชั้น พร้อมทำโครงหน้า กรอโหนกแก้ม กรอข้างแก้ม เลื่อนไรผม โดยหมอกรีดหนังหัว ถลกเลื่อนลงมาและกรีดในปาก แต่ไม่ใช้ยาสลบ หมอใช้เพียงแค่ยาชา โดยทำครั้งแรกเมื่อเดือน พ.ค.2566 กลับไปโหนกแก้มก็ปูด หลังจากนั้นไปทำตา 2 ชั้น ก็ผิดพลาด แผลไม่สวย ตาผิดรูป ไม่เท่ากัน ต้องกลับไปแก้ไขแต่กลับผิดพลาดมากกว่าเดิม ส่วนตัวเสียค่าใช้จ่ายปรับโครงหน้าทั้งหมด 103,000 บาท กับทำตาอีก 21,000 บาท แต่ผลที่ได้รับนั้นคือใบหน้ากลับต้องเสียโฉม ตาไม่ปกติ เป็นแผลเป็นตลอดชีวิต อ้าปากกว้างไม่ได้ หลับตาไม่สนิท น้ำตาไหลตลอดเวลา โดนลมไม่ได้ และยกแขนสูงไม่ได้ เพราะวันแก้ตา หมอผ่าตัดเอาไขมันรักแร้มาเติมที่ตา จึงอยากทราบว่าทางการแพทย์สามารถทำแบบนี้ได้หรือไม่

“ส่วนตัวอยากให้หมอรับผิดชอบค่าเยียวยา เพื่อดิฉันจะได้นำไปรักษาที่อื่น และขอให้เจ้าหน้าที่ปิดคลินิก เพราะไม่อยากให้ทำกับคนอื่นอีก พร้อมอยากทราบว่าทำไมหมอยังกลับมาทำอีกได้ ทั้งที่เคยถูกดำเนินคดีมาแล้วเมื่อ 20 ปีก่อน” น.ส.เต้ กล่าว

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายไว้ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป