เมื่อวันที่ 8 พ.ย. นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล มีมติขับ 2 สส. ออกจากพรรค ส่งผลให้เหลือ สส.พรรคก้าวไกล ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ จำนวน 147 คน ว่า ในกรณีดังกล่าวจะมีผลต่อโควตาประธานกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ และ กมธ.ประจำสภาผู้แทนราษฎรแน่นอน ที่จะต้องคำนวณสัดส่วนใหม่ ซึ่งตนจะนำประเด็นดังกล่าว หารือกับที่ประชุมวิปรัฐบาลอีกครั้ง หลังจากที่เปิดสมัยประชุมในเดือน ธ.ค. นี้ เพราะในประเด็นโควตาประธาน กมธ. และ กมธ. นั้น เป็นไปตามมติวิปรัฐบาล และข้อบังคับของสภาผู้แทนราษฎร
นายอัครเดช กล่าวว่า ในการคำนวณสัดส่วนประธาน กมธ. และ กมธ. ที่ผ่านการพิจารณาไป เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานะของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และกรณีที่พรรคก้าวไกล ขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก ออกจากสมาชิกพรรค ทำให้ในโควตาของประธาน กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องแบ่งครึ่งกับพรรคก้าวไกล โดยขณะนี้นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ทำหน้าที่เป็นประธาน กมธ. ดังนั้นหากจำนวน สส. ของพรรคก้าวไกลลดลง เป็นไปได้ว่า ประธาน กมธ.กิจการศาลฯ ตามสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องอยู่ยาวครบเทอม
นายอัครเดช กล่าวต่อว่า สำหรับ 2 สส. ที่เคยสังกัดพรรคก้าวไกลมาก่อน หากย้ายสังกัดไปพรรคใด และทำให้สัดส่วนของพรรคนั้นมี สส. เพิ่มมากขึ้น หรือหากหาสังกัดพรรคใหม่ได้ไม่ทันระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ดังนั้นการคำนวณสัดส่วน กมธ. รวมถึงประธาน กมธ. ก็ต้องนำมาพิจารณาใหม่ ตามระเบียบของสภาผู้แทนราษฎรเช่นกัน.