เมื่อวันที่ 20 พ.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรค, นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ สส.น่าน, น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ, นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษารมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายทะเบียนพรรคและสส.บัญชีรายชื่อ และนางสิรินทร รามสูต อดีต สส.น่าน พรรค พท. ร่วมกันลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับเกษตรกรปลูกเมี่ยงใบชาบนดอยสกาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน รับฟังปัญหาสิทธิที่ดินทำกิน ปัญหาเส้นทางคมนาคมที่อยู่ในเขตป่าสงวนและเสนอแนวคิดเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวกรีนซีซั่นหรือช่วงฤดูฝนที่เป็นจุดเด่นของจังหวัดน่าน เพื่อขยายเวลาท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้ ซึ่งตัวแทนเกษตรกรและผู้ประกอบการบนดอยสกาด ชี้แจงถึงปัญหาสิทธิในที่ดินทำกินในดอยสกาดทุกหลังคาเรือนอยู่มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดนับร้อยปี แต่รัฐบอกว่าอยู่ในเขตป่าสงวนผิดกฎหมาย ทำให้ทั้งตำบลไม่มีบ้านเลขที่ ไม่มีทะเบียนบ้าน และรัฐก็ให้อยู่ ‘โดยอนุโลม’ ขณะเดียวกันเมื่อคนในชุมชนต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำโฮมสเตย์ ทำภูเขาเมี่ยงชา แต่กลับติดปัญหาการเป็นพื้นที่ป่าสงวนทำให้ไม่สามารถดำเนินการหรือพัฒนาได้ ซึ่งบนดอยสกาดมีประชากร 2,000 กว่าคน 800 หลังคาเรือน ปลูกกาแฟพันธุ์ดีที่สุด มีเมี่ยงชาสีชมพูเป็นเอกลักษณ์ แต่ไม่สามารถพัฒนาถนนขึ้นมาท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก และไม่สามารถจดทะเบียนเมี่ยงชาขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เนื่องจากไม่มีบ้านเลขที่
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องที่ดินทำกินเป็นเรื่องใหญ่ ต้องใช้เวลาและต้องนำไปปรึกษากันในรัฐบาลแต่ที่เห็นว่าสิ่งที่จะทำได้ก่อนเลยคือเรื่องถนนและเส้นทางสัญจร ซึ่งทราบว่าเคยมีถนนลาดยาง แต่เมื่อชำรุดก็กลายเป็นดินลูกรังและทำได้แค่ซ่อมแซมเล็กน้อย เนื่องจากติดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป่าไม้ ตรงนี้ก็จะช่วยประสาน สส.ให้ไปหารือเพื่อหาทางช่วยเหลือก่อนให้เร็วที่สุด เพื่อให้สามารถดำเนินการเรื่องอื่นๆ ต่อไปได้
น.ส.แพทองธาร กล่าวถึงเรื่องการท่องเที่ยวว่า จังหวัดน่านเป็นจุดหมายเมืองรองที่สวยงาม ควรเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบกรีนซีซั่น คือ การท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน เพราะถ้าจะท่องเที่ยววัฒนธรรมก็ต้องเที่ยวในเมืองน่าน แต่ถ้าจะเที่ยวภูเขาทุ่งนาเขียวขจีก็ต้องเที่ยวนอกเมือง และฤดูท่องเที่ยวของน่านตอนนี้คือเดือน พ.ย. ดังนั้นถ้าสามารถจัดอีเวนต์ เช่น แฟชั่นโชว์ผ้าพื้นเมือง แหล่งธรรมชาติสวยงามก่อนในช่วงฤดูฝน เพื่อโปรโมตให้นักท่องเที่ยวมาตั้งแต่หน้าฝนก็จะขยายช่วงเวลาท่องเที่ยวจากฤดูฝนไปถึงฤดูหนาวซึ่งจะช่วยขยายเวลาการท่องเที่ยวได้ยาวนานถึง 6 เดือน สร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชนได้อย่างยั่งยืน.