สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ออกแถลงการณ์ว่า เรือโดยสารของชาวโรฮีนจาประมาณ 200-300 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ล่องมาขึ้นฝั่ง ที่เมืองซาบัง ในจังหวัดบันดาอาเจะห์ ทางเหนือสุดของเกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นภูมิภาคทางตะวันตกสุดของอินโดนีเซีย เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น


ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายแห่ง และอาสาสมัครในท้องถิ่น ร่วมกันให้ความช่วยเหลือขั้นพื้นฐานแก่ชาวโรฮีนจากลุ่มนี้ ซึ่งทำให้สถิติการล่องเรือมาเกยตื้นที่อินโดนีเซียของชาวโรฮีนจา เพิ่มเป็นมากกว่า 1,000 คน ภายในระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ หลังก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน มีเรือโดยสารลักษณะเดียวกันนี้ล่องมาขึ้นฝั่ง 5 ลำ มีผู้โดยสารรวมกันราว 800 คน

เจ้าหน้าที่ยูเอ็นเอชซีอาร์พูดคุยกับชาวโรฮีนจา ที่ศูนยประชุมของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในเมืองลาปัง บารัต ของจังหวัดบันดาอาเจะห์ ทางตะวันตกสุดของอินโดนีเซีย


ขณะที่ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ว่า เป็นเรื่องที่ประหลาด และยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ต่อการที่เรือโดยสารของชาวโรฮีนจาพยายามล่องมาขึ้นฝั่งที่อินโดนีเซีย ห่างกันภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน เบื้องต้นมีการให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจในบังกลาเทศ และภาวะวิกฤติในเมียนมา ซึ่งกำลังเผชิญกับการสู้รบรอบใหม่ ระหว่างกองทัพกับกลุ่มนักรบชาติพันธุ์


อนึ่ง อินโดนีเซียถือว่า ชาวโรฮีนจาไม่ใช่พลเมือง จึงไม่สามารถให้อยู่อาศัยระยะยาวในประเทศได้ แม้ในฐานะผู้ลี้ภัยก็ตาม เนื่องจากรัฐบาลจาการ์ตาไม่ได้เป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ฉบับปี 2494 หมายความว่า แม้ให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม แต่กลุ่มคนเหล่านี้ มีสถานะ “ผู้อพยพผิดกฎหมาย” ตามกฎหมายของอินโดนีเซีย.

เครดิตภาพ : AFP