จากกรณี คลิปในโลกออนไลน์ระบุว่า มีชายอ้างตัวเป็นตำรวจขับรถเก๋งขวางหน้ารถบรรทุก ชักบัตรออกมาแสดงตัวว่าเป็นตำรวจ และชักปืนออกมาข่มขู่เพื่อเรียกให้จอด เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกรถบรรทุกขับแช่ขวา โดยบางช่วงได้จอดรถเก๋งแล้วลงมาทุบประตูรถบรรทุก ขณะที่ท่าทางของชายคนดังกล่าว มีอาการคล้ายมึนเมาสุรา เหตุเกิดขึ้นบนถนนสายเอเชียช่วงหาดใหญ่-รัตภูมิ พื้นที่​ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง สุดท้ายฝ่ายโชเฟอร์รถบรรทุก ได้เข้าหารือกับสื่อมวลชนเพื่อตรวจสอบว่า คู่กรณีเป็นตำรวจจริงหรือไม่ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น

ช่วยเช็กที!สิงห์รถบรรทุกไม่ทน ร้องสื่อตรวจสอบชายเมาอ้างเป็นตำรวจชักปืนขู่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นายอนุพงษ์ หมื่นระย้า อายุ 33 ปี หรือว่า “บังต๊ะ” โชเฟอร์รถบรรทุกได้เดินทางมากับ ว่าที่ร้อยตรีชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความ จากกลุ่มทนายใจดี เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคู่กรณีถึง 3 ข้อหาได้แก่ พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ข่มขู่คุกคามผู้อื่นให้ได้รับความหวาดกลัว, และ​ พ.ร.บ.ขับรถเป็นที่น่าหวาดเสียว ซึ่งภายหลังทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจยศ ด.ต. สังกัดหนึ่งใน จ.ยะลา

ทางพนักงานสอบสวนได้พาผู้เสียหายไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อชี้จุดและประกอบสำนวนการสอบสวน 4 จุด เริ่มจากจุดที่นายตำรวจขับรถปาดหน้า ชักบัตรและชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่ จุดที่ 2 ขับรถปาดหน้าและขวางทาง จุดที่ 3 ลงจากรถเดินลงมาทุบประตูรถ และจุดสุดท้ายอยู่ที่บริเวณป้อมตำรวจทางหลวงพรุพ้อ ที่ทั้งสองฝ่ายลงมาพูดคุยกันซึ่งทีแรกเคลียร์กันได้ และมีการจับมือขอโทษและแยกย้ายกันไป ซึ่งระยะทางที่มีการขับรถปาดกันไปมาประมาณ 10 กม.

ภายหลัง นายอนุพงษ์ เปิดเผยว่า ตนจะดำเนินคดีกับตำรวจคู่กรณีให้ถึงที่สุด แม้ว่าอีกฝ่ายจะขอเคลียร์เพื่อจบปัญหาก็ตาม เนื่องจากในวันเกิดเหตุ ตนพยายามร้องขอชีวิตแต่ตำรวจนายนี้ก็ไม่ยอม สุดท้ายพอกลายเป็นเรื่องขึ้นมากลับพยายามมาขอเคลียร์ ซึ่งตนก็จะไม่ยอมเช่นกันและให้ดำเนินคดีถึงที่สุด รวมทั้งไปเข้าร้องเรียนกับทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ด้วย เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดทางวินัย ขอให้พักราชการตำรวจนายนี้

ขณะเดียวกัน ทางตำรวจคู่กรณีได้เดินทางมาที่​ สภ.รัตภูมิ พร้อมผู้บังคับบัญชา เพื่อชี้แจงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยฝ่ายนายตำรวจ อ้างว่า โมโหที่ถูกรถบรรทุกคันนี้ขับรถแช่ขวา ระยะทางเกือบ 5 กิโลเมตร และ​ ที่ขับรถปาดหน้าและขวางทาง ก็เพื่อต้องการให้คนขับรถคันนี้ลงมาคุยเพื่อตักเตือน ไม่ให้ขับรถแบบนี้เพราะขวางทางรถคันอื่น และปฏิเสธว่าไม่ได้ชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่ รวมทั้งไม่ได้เมาตามที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง เหตุที่พูดจาเหมือนคนเมา เพราะตนป่วยจากอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ลิ้นแข็ง พูดไม่ค่อยถนัด คนที่ฟังจึงมองว่าพูดเหมือนคนเมา อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น นึกว่าเคลียร์กันจบแล้วเพราะ ต่างฝ่ายต่างขอโทษ มีการจับมือกันซึ่งเรื่องจบด้วยดี ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปล่อยคลิป ก่อนเข้าแจ้งความดำเนินคดีในภายหลัง

ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งว่าทาง พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จว.ยะลา รับทราบเรื่องนี้แล้ว จึงมีคำสั่งเร่งด่วนให้ทางต้นสังกัดของนายตำรวจรายนี้ เร่งสอบสวนข้อเท็จจริงในนี้ทันทีและให้รายงานผลกลับมาภายใน เวลา 11.00 น. ของวันที่ 21 ก.ย.นี้