นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีข้อสั่งการมาที่กระทรวงดีอี เกี่ยวกับการใช้ซิมการ์ด และสถิติการถือครองซิมการ์ด ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้มีการหารือเรื่อง การออกประกาศเพื่อบังคับให้ผู้ครอบครองหมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ด ตั้งแต่ 5 เลขหมายขึ้นไป ต้องมาลงทะเบียนแจ้งการครอบครองกับผู้ให้บริการ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการนำซิมการ์ดไปใช้ก่ออาชญากรรมออนไลน์ต่าง ๆ โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 มีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย จำนวนมากถึง 286,148 ราย และมีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไปถึง 7,664 ราย ซึ่งดีอีได้หารือกับ กสทช. ไปเบื้องต้นแล้ว
ขณะที่ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC) หรือ ศูนย์ AOC 1441 (สายด่วน 1441) ที่ได้เริ่มดำเนินการไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยศูนย์ AOC 1441 สามารถระงับบัญชีธนาคารได้ถึง 4,856 รายการ ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างมาก ผลดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1-21 พฤศจิกายน 2566 จำนวนสายที่รับจากประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 57,223 สาย แบ่งเป็น
1. ระงับบัญชีธนาคารของคนร้ายเนื่องจากถูกหลอกลวงออนไลน์ จำนวน 22,917 สาย
2. บัญชีธนาคารของตนเองถูกระงับ จำนวน 6,636 สาย
3. ปรึกษาคดีออนไลน์ จำนวน 27,670 สาย
ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินคดี ศูนย์ AOC 1441 ได้ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีการจับกุมดำเนินคดีได้แล้ว จำนวน 203 คดี ตัวอย่างคดี ได้แก่ การทลายเครือข่ายหลอกลวงกู้เงินออนไลน์ดอกเบี้ยโหด พบเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท และการจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 7,000 ล้าน โดยมีการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 5 ราย พร้อมของกลางมูลค่า 83 ล้านบาท ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 และวันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ตามลำดับ
“ที่ผ่านมา กระทรวงดีอี มีความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาโดยตลอด ในการเร่งดำเนินการขยายผลการจับกุม และทลายเครือข่ายบัญชีม้า/ซิมม้า โดยสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกถึงบัญชีในขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยและธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและสร้างความมั่นใจในการดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ขอเตือนประชาชน ให้เพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมออนไลน์ และขอความร่วมมือกับภาคธนาคาร ให้ดำเนินการอายัดรายชื่อบัญชีม้าทั้งหมด พร้อมทั้งเพิ่มกระบวนการในการตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไปด้วย” นายประเสริฐ กล่าว

ด้านสถิติการปิดกั้นเว็บไซต์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-22 พฤศจิกายน 2566 สูงถึง 4,203 เว็บไซต์ เพิ่มขึ้น 11 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเป็นเว็บพนันออนไลน์สูงถึง 3,120 เว็บไซต์ และเตรียมทำเรื่องปิดกั้นอีกกว่า 10,000 เว็บไซต์ นอกจากนี้ ยังมีสถิติที่สำคัญในการดำเนินการปิดกั้นหมายเลข/เสาสัญญาณ ดังนี้
สถิติการรายงาน SMS ข้อมูลระหว่างวันที่ 6-12 พฤศจิกายน 2566
• รายงานโดย AWN มีจำนวน 2,179 เรื่อง
• รายงานโดย DTN มีจำนวน 688 เรื่อง
• รายงานโดย NT มีจำนวน 47 เรื่อง
• รายงานโดย TUC มีจำนวน 508 เรื่อง
สถิติการบังคับใช้กฎหมายสำหรับผู้ตั้งสถานีแพร่กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาต
• จังหวัดสระแก้ว : ดำเนินคดี 1 คดี
• จังหวัดเชียงราย : ดำเนินคดี 11 คดี
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการเสนอจัดตั้งคณะทำงาน จำนวน 2 ชุด ประกอบด้วย คณะทำงานปฏิบัติการเชิงรุก (ก่อนเกิดเหตุ) และคณะทำงานด้านเทคนิคการป้องกันปราบปราม เพื่อให้สามารถดำเนินการเพื่อป้องกันอาชญากรรมที่เกิดขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างรู้เท่าทันมิจฉาชีพ และช่วยลดความสูญเสียที่เกิดจากการฉ้อฉลและกลโกงผ่านออนไลน์ในทุกรูปแบบ
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ดีอี ยังมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการจัดทำ แผนบูรณาการประชาสัมพันธ์ภัยอาชญากรรมออนไลน์ใน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1. เพื่อสร้างความตระหนักรู้ (Awareness) โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนมากกว่า 5 ล้านคน มีความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยอาชญากรรมออนไลน์ รวมถึงรูปแบบและวิธีการป้องกันตนเองจากภัยอาชญากรรม ออนไลน์ และวิธีการแก้ไขปัญหาเมื่อตกเป็นเหยื่อ และวางรากฐานความรู้สำคัญแก่ประชาชนในเรื่องของภัยอาชญากรรมออนไลน์
2. เพื่อควบคุมจำนวนผู้ได้รับความเสียหายจากภัยอาชญากรรมออนไลน์ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงสามารถเข้าถึง และสามารถใช้ประโยชน์ เครื่องมือ และองค์ความรู้ในการป้องกันตนเองและผู้อื่นจากภัยอาชญากรรมออนไลน์
3. เพื่อลดความเสียหายทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากภัยอาชญากรรมออนไลน์ โดยมีหน่วยงานผสานความร่วมมือ และแบ่งปันทรัพยากรในการป้องกันภัยสังคมจากภัยอาชญากรรมออนไลน์
“ดีอี มีความมุ่งมั่นที่จะลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ เรามีความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนในการป้องกันและปราบปรามอย่างเต็มที่ รวมถึงมีการจัดอบรมเพื่อการตระหนักรู้เท่าทันภัยทางออนไลน์ อาทิ หลักสูตร “อุ่นใจ ไซเบอร์” (ศธ.) และโครงการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านธุรกรรมออนไลน์ (ETDA) เป็นต้น” นายประเสริฐ กล่าว