นายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กสทช. ด้านกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า กสทช. อยู่ระหว่างจัดทำแผนบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ฉบับที่ 4 หรือ แผนยูโซ่ 4 โดยเตรียมนำไปเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ และคาดว่าจะเสนอให้บอร์ดพิจารณาเห็นชอบและประกาศใช้ในปีหน้าหรือ ปี 67 ซึ่งในแผนยูโซ่ 4 จะมีโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อคนในชุมชนแออัด และ ไวไฟ ตำบล เพื่อให้กลุ่มเปราะปราง และผู้ด้อยโอกาส สามารถเข้าถึงการใช้งานดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อใช้ในการพัฒนาความรู้ ส่งเสริมการเรียนรู้ของคนในชุมชนแออัด และในชนบท สามารถพัฒนาและยกระดับชีวิตของตนเองและครอบครัวได้
“กสทช.จะมีการหารือกับ กทม.ในการประสานข้อมูลเรื่องชุมชนแออัดใน กทม.ว่ามีจำนวนกี่แห่ง และกี่ครัวเรือน และในส่วนของไวไฟ ตำบล ก็จะมีการประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือ องค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต. เพื่อสำรวจความต้องการ และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของคนในตำบลหรือพื้นที่นั้นๆ รวมถึงจะมีการหารือกับผู้ให้บริการมือถือ ว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนทั้งสองโครงการอย่างไรบ้าง เช่น เรื่องซิมการ์ด และ ดาต้า ฯลฯ ซึ่งอาจจะนำมาหักกับเงินส่งเข้ากองทุนยูโซ่ได้”
นายสมภพ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีแผนเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ คือ จัดทำร่างแผนแม่บทโทรคมนาคม (แผน 3) ปี 2567-2571 โดยคาดว่าจะเสนอให้บอร์ด กสทช.พิจารณาเห็นชอบภายในสิ้นปีนี้ โดยรายละเอียดของแผน จะมีเรื่องการจัดทำสเปกตัม โรดแม็พหรือ แผนจัดสรรคลื่นความถี่ และการส่งเสริมผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ผู้ให้บริการไม่จำเป็นต้องสร้างเครือข่ายด้วยตัวเอง (เอ็มวีเอ็นโอ) และการปรับปรุงโครงสร้างอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศ ฯลฯ
“สเปกตัม โรดแม็พ จะเป็นแผนระยะ 5 ปี และ 10 ปี ซึ่งแผน 5 ปี จะจัดทำรายละเอียดการจัดสรรคลื่นความถี่ที่มีอยู่ และที่หมดอายุใบอนุญาต คือ 850 เมกะเฮิรตซ์ 2100 เมกะเฮิรตซ์ และ 2300 เมกะเฮิรตซ์ ว่าจะดำเนินการอย่างไร และเอกชนมีความพร้อมเข้าร่วมประมูลหรือไม่ และคลื่นความถี่ 6.425-7.125 กิกะเฮิรตซ์ เพื่อรองรับ 6 จี ในอนาคตโดยคาดว่าจะเสนอบอร์ด กสทช.พิจารณาได้ในไตรมาส 1 ปี 67 รวมถึงการนำคลื่นความถี่ 3500 เมกะเฮิรตซ์ มาจัดประมูล โดยได้หารือกับผู้ให้บริการมือถือ 2 รายใหญ่ในเบื้องต้นแล้ว นอกจากนี้ยังเตรียมจัดสรรคลื่นความถี่ช่วง 3.6-3.7 กิกะเฮิรตซ์ เพื่อทำไพรเวท 5จี สำหรับภาคอุตสาหกรรม สำหรับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจากการหารือกับสภาอุตสาหกรรมพบว่าเอกชนมีความต้องการใช้งาน โดยจะมีการจัดรับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่มในช่วงไตรมาส 1-2 ปี 67″