จากประเด็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ของสังคมไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีที่ สมรักษ์ คำสิงห์ ถูกสาววัย 17 ปี แจ้งจับข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ หลังอดีตนักชกฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์คนแรกของเมืองไทย พาสาวคนดังกล่าวจากผับแห่งหนึ่งกลับไปที่โรงแรม แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่า พอรู้อายุก็หยุดทันที และยังไม่ได้มีอะไรกัน

วันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง? สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความยินยอมพร้อมใจหรือบังคับขู่เข็ญ? สมรักษ์ ทราบหรือไม่ว่าน้องอายุไม่ถึง 18 ปี? นับจากนี้ไป เป็นเรื่องของการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ทุกอย่างต้องไปว่ากันด้วยพยานหลักฐาน ต้องไปว่ากันตามกระบวนการทางกฎหมาย ส่วนกองเชียร์ในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะอยู่ข้างไหน รู้หรือไม่รู้รายละเอียดของเหตุการณ์ นาทีนี้ก็ทำได้แค่วิจารณ์เท่านั้น

ถามว่าสังคมไทยได้อะไรจากเรื่องฉาวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้บ้าง?

ในมุมหนึ่ง คำถามที่เกิดขึ้นคือ เด็กอายุ 17 เข้าไปในสถานบันเทิงดังกล่าวได้อย่างไร ซึ่งตรงนี้ต้องไปพิสูจน์ ฝั่งเจ้าของกิจการบอกว่าน้องอายุ 17 ปี แก้ตัวเลขในรูปบัตรประชาชนที่อยู่ในโทรศัพท์ แต่ฝ่ายน้องอายุ 17 ก็บอกว่าเพื่อนเธอที่ไปด้วย อายุไม่ถึง ยื่นบัตรประชาชนจริง ก็ยังเข้าได้

ถ้ามีการพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า ผับดังกล่าวปล่อยปละให้เด็กอายุไม่ถึงเกณฑ์เข้าไปได้ รับรองงานเข้าแน่ สังคมก็จะจับตาการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ เพราะนี่คือข่าวใหญ่ แม้ว่าในความเป็นจริง เรื่องพวกนี้มันอาจจะเกิดขึ้นมากมายโดยที่ไม่มีใครสนใจจะกวดขันจริง ๆ จัง ๆ กันมานานแล้วก็ตาม

แต่ถ้าเป็นการปลอมหลักฐานเพื่อต้องการผ่านการตรวจเข้าไปหาความสำราญ คำถามคือ ในเมื่อรู้ว่าตัวเองอายุไม่ถึง ทำไมจึงยังต้องการเข้าสถานบันเทิงให้ได้ ทั้งที่มันชัดเจนว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย?

ส่วนในมุมของตัว สมรักษ์ เรื่องนี้น่าจะเป็นหนึ่งในบทเรียนครั้งที่อาจจะใหญ่ที่สุดในชีวิต การสังสรรค์กับพรรคพวกเพื่อนฝูง หรือการมีผู้คนเข้าหาด้วยเป้าหมายต่าง ๆ ถือเป็นเรื่องธรรมดา ขณะที่การเข้าไปในที่อโคจร เรื่องของชายหญิงที่ปิ๊งปั๊งกัน นำไปสู่การมีความสัมพันธ์กัน ถ้ามองโลกกันด้วยความเป็นจริง แม้ในแง่ศีลธรรมอาจไม่ถูกต้องนัก แต่มันก็เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในสถานที่เหล่านั้น

แต่เมื่อเขาคือบุคคลสาธารณะ แม้จะเต็มใจรับสถานะนี้ไว้หรือไม่ก็ตาม เรื่องเหล่านี้คือสิ่งที่คนมีชื่อเสียงต้องระวัง เพราะมันคือความเสี่ยงที่อาจทำให้ตัวเองต้องเจอปัญหามากกว่าคนปกติทั่วไป นี่ยังดีว่า ตามข่าวนั้น “โม้อมตะ” แยกทางกับภรรยาไปแล้ว มิฉะนั้นก็อาจเป็นปัญหาใหญ่กว่านี้

แต่ที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกของครอบครัว โดยเฉพาะลูก ๆ ทั้ง “น้องเบสท์” และ “น้องโบ๊ท” โดยเฉพาะกับความรู้สึกของลูกสาวคนโต ที่เรียกได้ว่าเป็น “เสาหลัก” ของครอบครัวในตอนนี้ก็ว่าได้ นั่นคือสิ่งที่ สมรักษ์ ต้องพยายามแก้ไขฟื้นฟูมันกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด…