สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์กำหนดเส้นตาย ภายในวันที่ 31 ธ.ค. นี้ ให้ผู้ประกอบการรถจี๊ปนีย์ปิดแฟรนไชส์ของตนเอง และรวมตัวเป็นสหกรณ์ ตามโครงการเปลี่ยนยานพาหนะที่แพร่หลายในประเทศ เป็นรถมินิบัสซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่

กระนั้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้กลุ่มคนรถจี๊ปนีย์ ตัดสินใจหยุดงานประท้วงเป็นเวลา 12 วัน พร้อมกับขอความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงนี้

ด้านประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ผู้ประกอบการรถจี๊ปนีย์ ประมาณ 70% มุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมโครงการข้างต้น และพวกเขาสามารถให้บริการต่อไปได้ จนถึงสิ้นปี 2567 แต่ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดก่อนถึงเส้นตาย จะสูญเสียใบอนุญาตประกอบกิจการทันที

แม้โครงการดังกล่าว ซึ่งมีอายุ 6 ปี สนับสนุนเป้าหมายของประเทศ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 75% ภายในสิ้นทศวรรษนี้ จากระดับในปี 2563 แต่รัฐบาลมะนิลา ยังต้องการสร้างสมดุลให้กับโครงการริเริ่ม โดยปกป้องผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และป้องกันพวกเขาจากการสูญเสียการครองชีพด้วย

ทว่าสำหรับ “มาริเบลา” ซึ่งเป็นกลุ่มคนขับรถจี๊ปนีย์ ผลกระทบของการเปลี่ยนมาใช้รถอีวี จะเลวร้ายยิ่งกว่าผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้การขนส่งสาธารณะส่วนใหญ่ชะงักงัน

อนึ่ง มันเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันว่า รัฐบาลมะนิลา จะตอบสนองต่อการประท้วงที่ยาวนานที่สุด ในภาคส่วนการขนส่งของประเทศอย่างไร หลังความพยายามก่อนหน้านี้ ประสบความล้มเหลว ในการทำให้การขนส่งสาธารณะของประเทศเป็นอัมพาต.

เครดิตภาพ : AFP