สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ว่านายสเตฟาน เบลเซล ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) ของบริษัทโมเดอร์นา ให้สัมภาษณ์พิเศษกับหนังสือพิมพ์ "นอยเออ ซัวร์เคอ ไซทุง" ของสวิตเซอร์แลนด์ ตีพิมพ์เมื่อวันพฤหัสบดี โดยแน่นอนว่า เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดบนโลกของโรคโควิด-19 และความคืบหน้าเรื่องวัคซีน
ทั้งนี้ เบนเซลมองการขยายขอบเขตและยกระดับความสามารถของการผลิตวัคซีนของบริษัททุกแห่ง ในภาพรวมตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้คาดการณ์ได้ว่า โลกน่าจะมีวัคซีนทั่วถึงและเพียงพอให้แก่ประชากรทุกคน "ภายในช่วงกลางปีหน้า" ขณะที่วัคซีนเข็มสามหรือบูสเตอร์ น่าจะเพียงเช่นกันเมื่อถึงเวลานั้น 
ขณะเดียวกัน ซีอีโอของโมเดอร์นากล่าวถึง "ความจำเป็น" ของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชากรเริ่มตั้งแต่วัยทารก ส่วนคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนนั้น ในที่สุดร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นเองตามธรรมชาติ จากการที่เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาแพร่กระจายและติดต่อง่ายมาก 

ท้ายที่สุดแล้ว สถานการณ์ของโรคโควิด-19 จะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่ว่าอย่างไร การฉีดวัคซันไว้ย่อมดีกว่า เพราะหากไม่มีเกราะคุ้มกันใดเลย บุคคลนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยและเข้าโรงพยาบาล
เมื่อมีการซักถามว่า ชาวโลกจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ได้ภายในช่วงครึ่งหลังของปีหน้าหรือไม่ เบนเซลกล่าวว่า "หากให้ตอบตอนนี้" เขาคาดการณ์ว่า "น่าจะภายในอีก 1 ปี" 
เกี่ยวกับประเด็นบูสเตอร์ของโมเดอร์นา เบนเซลกล่าวว่า ส่วนผสมยังคงเหมือนกับวัคซีนรุ่นแรกที่ใช้ตลอดทั้งปีนี้ เนื่องจากบริษัทยังไม่มีเวลามากพอที่จะปรับแก้ และวัคซีนเข็มที่สามของโมเดอร์นาใช้ปริมาณเพียง "ครึ่งโด๊ส" จากปกติ 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโมเดอร์นากำลังทดสอบประสิทธิภาพทางคลินิกของวัคซีนรุ่นต่อไป ซึ่งใช้เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาเป็นพื้นฐาน เบื้องต้นน่าจะออกสู่ตลาดได้ปีหน้า และกำลังทดสอบวัคซีนจากเชื้อสายพันธุ์เบตาด้วย ที่อาจเป็นการกลายพันธุ์ตัวต่อไป.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES