เรียกได้ว่าเจอมรสุมข่าวร้อนมาตั้งต้นเลยก็ว่าได้ สำหรับพิธีกรหนุ่ม “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” กับประเด็นการโพสต์ฟาดเดือดกลางดึกที่ทำชาวเน็ตไม่ได้นอน แห่หาคำตอบกันรัวๆ ว่าเป็นใครกันแน่ พร้อมทั้งส่งข้อความประโยคเด็ก “น่ารักมากค่ะ” ไปทางไดเร็กไอจีของนักร้องสาว เบียร์ เดอะวอยซ์ และกดหัวใจให้อีกฝ่าย

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องครอบครัวที่ชาวเน็ตต่างพากันจับตาหนักมาก จนทำให้ภรรยาคนสวย “เมย์ ปทิดา” ต้องออกมาโพสต์ฟาดเดือดชาวเน็ตที่มาจับผิดว่าไม่เห็นภาพลูกสาว “น้องมายู” ไปเที่ยวกับพ่อเลย โดยเธอก็ได้ออกมาบอกว่า “ครอบครัวเราต้องแยกเที่ยว แยกทำงาน เรายังเป็นแฟมิลี่ที่รักกันเหมือนเดิมนะคะ มายูรับรู้ในการทำงานของพ่อที่หนักในทุกๆ วัน ใครชอบสาระแน ก็ชัดเจนนะคะ” ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบล่าสุด หนุ่ม กรรชัย ได้มาร่วมงาน “Nescafe Make your World โลกของคุณ…สร้างแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน” ณ ทรูไอคอนฮอลล์ ชั้น 7 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม งานนี้ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” จึงคว้าตัวหนุ่มมาสอบถามทุกประเด็นร้อน

หนุ่ม กรรชัย เผยว่า “ก็ยังเป็นคนที่กดหัวใจต่อไป ก็จริงๆ แล้วมันไม่มีปุ่มอื่นให้กด ก็ไม่รู้จะกดปุ่มไหน มันมีแต่ปุ่มหัวใจอะ ถ้ามีปุ่มอื่นให้กดก็จะกดให้ ผมไม่รู้ไง คือบางทีเราไปเห็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าเราชอบ บางคนไปลงรูปสุนัข รูปเด็ก ลงรูปอะไรแบบนี้ บางคนลงรูปชุดว่ายน้ำเราก็กด บางทีผู้ชายเราเห็นว่าหล่อเราก็กด เราก็ไม่ได้แยกว่าจะต้องกดหรือไม่กดให้ใคร ในมุมของพี่ก็บริสุทธิ์ใจนะ ไม่คิดว่าคำว่า “น่ารักมากค่ะ” จะกลายเป็นเรื่อง เพราะมันตั้งแต่ปี 65 แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก คือตอนนี้พอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น แล้วก็ตัวพี่เองก็ได้ชี้แจงส่วนของพี่ไปแล้ว เพราะฉะนั้นพี่ก็ถือว่าเรื่องของพี่จบแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว สำหรับตัวน้องเองก็ยังไม่ได้มีการขอโทษกันต่อหน้าต่อตา แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ให้น้องได้อยู่ในเซฟโซนของน้องก่อนแล้วกัน แล้ววันนึงพี่เชื่อว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นน้องคงคิดได้เอง เหมือนทุกวันนี้พี่เชื่อว่าที่ผ่านมาน้องเริ่มไล่เรียงเหตุการณ์ได้แล้วว่าอะไรคืออะไร”

“ถ้าถามว่าเคืองไหมที่น้องลากเราเข้ามา พี่ไม่โกรธเลย พี่ไม่โกรธจริงๆ และพี่ก็ยังรู้สึกว่าน้องก็เป็นน้องเหมือนเดิม พี่เป็นคนแฟร์ๆ อยู่แล้ว พี่เข้าใจในบริบทของแต่ละคน อย่างตัวน้องเองอาจไม่ได้พูดถึงพี่ก็ได้ ไอ้คำว่า “น่ารักมากค่ะ” อาจไม่ได้หมายถึงข้อความของพี่ก็ได้ แต่สิ่งที่พี่ต้องชี้แจงเพราะว่ามันมีผลกระทบหลากหลาย พี่เลยอธิบายไปเพราะมันเหมือนเป็นหินก้อนเล็กๆ ที่โยนลงน้ำไป คนที่โยนคิดว่าอ๋อ เป็นหินก้อนเล็กๆ ไม่มีอะไรหรอก แต่พอลงน้ำจ๋อมไปเนี่ยมันแตกเป็นวง มันไปกระทบหลากหลายมาก เพราะฉะนั้นพี่ต้องออกมาชี้แจง เพราะพอลงคำนั้นปุ๊บเนี่ย บอกว่าใครนะ ทุกคนชี้มาที่พี่หมดเลย คือไม่มีบอกว่าเป็นใครเลย ทั้งๆ ที่มีป๋อง กพล, กันต์ กันตถาวร ก็มีเยอะแยะมากมายเลยที่เป็นพิธีกรมีลูกมีเมีย แต่ว่าทุกคนก็มามองที่พี่ แล้วมันบังเอิญว่ามันก็ไปตรงกับสิ่งที่เราเคยส่งอันนี้ให้น้องนี่ เราก็ออกมาชี้แจงดีกว่า ไม่ได้ปลุกคืนชีพหลายๆ ตำนาน พี่เล็บกุดหมดแล้ว ไม่มีแล้ว”

หนุ่ม กรรชัย เผยต่อว่า “หลังจากนั้นที่น้องมาโพสต์ว่า “ดีค่ะ จะได้เลิกยุ่งกัน ไม่ต้องมาสนใจ” คืออันนั้นพี่ก็ไม่รู้ว่าน้องพูดถึงพี่หรือพูดถึงใครนะ แต่ว่าก็ไม่เป็นไรเพราะมันผ่านไปแล้ว คือการไปหยิบเรื่องในอดีตขึ้นมาฟื้นฝอยหาตะเข็บเนี่ย มันก็ไม่ดีหรอก เดี๋ยวมันก็จะเป็นประเด็นเกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นอะไรที่มันผ่านไปก็ผ่านไป พี่เชื่อว่าตอนนี้น้องพอจะรู้แล้วว่าอันไหนเป็นสิ่งที่น้องควรจะทำหรือไม่ทำ พี่ว่าน้องรู้หมดแล้วละ ส่วนตำนานเรื่องเก่าๆ ของเราที่หลายคนขุด คือจริงๆ อย่างที่พี่บอกไปว่าทุกคนก็มีอดีต ถ้าเกิดย้อนกลับไปได้พี่ก็เชื่อว่าเราคงจะไม่ทำ เพราะวันนี้อดีตมันคือสิ่งที่เป็นประสบการณ์ ประสบการณ์เป็นบ่อเกิดของสิ่งที่ส่งต่อไปใหม่ว่า นี่คือกระบอกเสียง นี่คือสิ่งที่เราปรับปรุงในการที่จะช่วยเหลือ เหมือนเอาประสบการณ์ตัวเองที่เคยเจอมาเนี่ยมาช่วยเหลือสังคมดีกว่า แต่ว่าสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตเราคงพูดอะไรไม่ได้ พูดกี่ทีจนมายูแต่งงาน จนมีหลาน จนมายูมีลูก พี่ก็ผิดอยู่ดี มันไม่มีทางที่จะบอกว่าไม่ผิด แต่เราไม่สามารถกลับไปแก้อดีตให้มันดีได้ แต่วันนี้เราทำได้ เราก็ทำวันนี้ให้มันมีคุณค่ามากกว่า

สำหรับเรื่องที่โพสต์เดือด ไม่มีอะไรๆ อันนี้พี่โพสต์ลอยๆ คือธรรมดาพี่ไม่เคยพิมพ์อย่างนี้ถูกไหม แต่พอดีพี่ไปได้ข้อมูล แต่ขอไม่ลงรายละเอียดว่าเป็นเรื่องอะไรก็แล้วกัน เอาเป็นว่าพี่ได้ข้อมูลบางอย่างมาก็แล้วกัน แล้วข้อมูลอันนี้ตอนแรกพี่ก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งมันมีหลักฐาน มีสิ่งยืนยัน พี่ก็อ๋อโอเค พี่เข้าใจแล้วว่าทุกอย่างมันเกิดอะไรขึ้น ในมุมมองของสังคมที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ แต่พี่ไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องอะไร แต่พี่รู้สึกว่ามันทำอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าที่เปรียบเทียบ พี่เล่านิทานให้ฟังนิดนึงก็แล้วกัน เหมือนกับว่ามีน้องผู้หญิงคนนึงกำลังขับรถไปบนถนน และน้องขับรถระหว่างที่ศูนย์รถน้องเสียอยู่ บังเอิญขับรถผ่านคนกวาดถนน คนกวาดถนนกวาดสะเก็ดหินกระเด็นไปโดนรถน้อง น้องขับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปเจอคนสองคน คนสองคนก็ไม่ได้เป็นช่าง แต่ก็บอกตัวเองเป็นช่าง สามารถช่วยเหลือน้องได้ บอกว่ารู้มั้ยว่าไอ้รถที่มันเสียศูนย์แบบนี้ เป็นเพราะไอ้คนกวาดถนนเมื่อกี้แหละ มันกวาดหินกระเด็นโดนรถน้องไง มันทำให้ศูนย์รถน้องเสียไง

เจ้าของรถเขาก็รู้สึกว่าก็ไอ้คนกวาดถนนแหละที่ทำให้เป็นแบบนั้น สองคนนั้นแสดงตัวเป็นช่างรีบซ่อมรถให้น้องและปล่อยให้น้องไป สุดท้ายรถน้องก็คว่ำ น้องได้รับบาดเจ็บสาหัส คนเสียหายคือน้อง คือคนกวาดถนน แต่สองคนที่เสนอตัวเข้ามาซ่อมให้ ก็ลอยตัว ไม่เป็นอะไรเลย อันนี้เป็นนิทานของพี่ พี่ไม่ได้พูดถึงใคร ตีความแล้วก็รับผิดชอบเอาเอง เรื่องนี้คือพี่คงไม่เปิดโปงอะไรทั้งสิ้นนะครับ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่เป็นไร มันมีเรื่องข้อกฎหมายหลายๆ อย่างมาเกี่ยวข้อง ก็ไม่อยากพูด ต่อไปถ้ามีอะไรหลุดออกมาก็ไม่ได้อยู่กับพี่นะ พี่บอกไว้ตรงนี้ก่อนนะ ถ้ามีอะไรหลุดออกมาไม่เกี่ยวกับพี่นะ มันอาจจะมีคนอื่น มีหลักฐาน มีอะไร แต่พี่ไม่เกี่ยวนะ”

หนุ่ม เผยต่อว่า “สำหรับเรื่องที่ศรีภรรยาของเราโพสต์ฟาดเรื่องไปเที่ยว พี่ว่าไม่เกี่ยวหรอก คือบางครั้งเวลาที่มันมีประเด็นอะไรเกิดขึ้นในสังคม แน่นอนว่ามันก็จะมีการหยิบโยง ต่อให้เราถ่ายรูปกำลังบีบมะนาวอยู่ก็ไปตีความเป็นอย่างอื่นได้ มันอยู่ในบริบทของความคิด ที่จะหยิบมาขยี้หรือเปล่ามากกว่า คือทุกอย่างก็ปกติดี พี่ก็ทำงานของพี่ พี่ก็รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดเนี่ยบางครั้งก็เหมือนหยิบประเด็นมาให้ไปใหญ่โต”..