แฟนกีฬาต่อสู้หมัดมวยสุดเศร้า ร่วมแสดงความไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ ฟาริยาร์ อมินิปูร์ นักสู้ชาวอิหร่านวัย 23 ปี ซึ่งประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำในอุโมงค์ฝั่งถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่พบร่างของ อมินิปูร์ สภาพนอนจมกองเลือดแน่นิ่งหายใจรวยริน ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์ ยามาฮ่า สีดำ ทะเบียน 2 กค 5102 สงขลา เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

สื่อต่างประเทศ sportskeeda รายงานว่า อมินิปูร์ เป็นนักชกมวยไทยฝึกซ้อมอยู่กับค่าย ไทเกอร์ มวยไทย ยิม ในภูเก็ต เป็นหนึ่งในนักสู้ที่กำลังมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว เพิ่งชกหนล่าสุดกับ กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย ในศึก ONE Friday Fights 46 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม โดยแพ้น็อกเอาต์ยกแรก และเพิ่งเป็นความพ่ายแพ้หนแรกในชีวิต หลังจากที่ 4 ไฟต์ก่อนหน้าชนะมารวด ทั้งเอาชนะ ฮิโรกิ ซูซูกิ, เฟอร์รารี แฟร์เท็กซ์, แรมโบ้เล็ก ฉ.อจลบุญ และ พงษ์ศิริ พีเค.แสนชัย

บัญชีอินสตาแกรม tigermuaythai ที่มีผู้ติดตามกว่า 884,000 บัญชีรายชื่อ และในทวิตเตอร์หรือ x ได้โพสต์ข่าวเศร้าว่า “เราขอประกาศด้วยความเสียใจอย่างที่สุดในการจากไปอย่างกะทันหันของ @fariyar_aminipour นับตั้งแต่เข้าร่วมทีมของเราในปลายปี 2022 โดยมีประสบการณ์การต่อสู้แบบสมัครเล่น ฟาริยาร์ ที่มีพรสวรรค์อย่างมาก ก็พุ่งทะยานในโลกมวยไทยมืออาชีพ โดยเอาชนะชื่อกีฬาชื่อดังได้ในรายการ ONE ลุมพินี และกลายเป็นนักสู้ระดับท็อป 10”

“ด้วยวัยเพียง 23 ปี ฟาริยาร์ ผู้มีหัวใจยิ่งใหญ่ได้ประสบความสำเร็จมามากมายแล้ว และกำลังเดินไปตามความฝันที่จะเป็นแชมป์โลก ONE อีกด้วย เขาจากไปเร็วเกินไปเนื่องจากอุบัติเหตุอันน่าสลดใจ เราจะคิดถึง ฟาริยาร์ อย่างมาก และจะยังคงอยู่ในความทรงจำของเราทั้งหมด”

ในคอมเมนต์มีแฟนๆ จำนวนมากเข้ามาแสดงความเสียใจ ไว้อาลัยกับการเสียชีวิตของนักมวยอนาคตไกลรายนี้ด้วย

ทั้งนี้ เปิดประวัติ ฟาริยาร์ กว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดังขนาดนี้นับว่าไม่ง่าย เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์กับ www.onefc.com/ ว่า เป็นเพราะได้รับความด้วยความช่วยเหลือจากผู้คนรอบข้างและคนในครอบครัว จนทำให้เขาสามารถเดินทางมาตามล่าฝันในการเป็นนักมวยไทยอาชีพในประเทศไทยได้ ซึ่งนั่นทำให้เจ้าตัวคาดหวังที่จะทำผลงานให้ดีที่สุดเสมอ เพื่อตอบแทนทุกแรงสนับสนุนที่กล้าลงทุนในตัวเขามากขนาดนี้

“ก่อนหน้านี้ผมเคยต้องทนทุกข์ทรมานกับชีวิตที่สุดแสนจะยากลำบากมานานมาก ๆ แต่เพราะการช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายจากผู้คนรอบข้าง และคนในครอบครัว ทำให้ผมสามารถมาตามล่าความฝันในการเป็นนักมวยไทยอาชีพที่ประเทศไทยได้ ซึ่งนั่นทำให้ทุกครั้งที่ผมขึ้นเวที ผมจะจริงจังเสมอ ผมไม่เคยสนใจว่าผมจะต้องเจ็บตัวแค่ไหน ผมแค่ต้องการลุยสุดแรงเกิดเพื่อเก็บชัยชนะให้ได้เท่านั้น เพื่อทุกคนที่คอยหนุนผมอยู่ข้างหลัง”

“ความฝันของผมในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง คือการปลดปล่อยครอบครัวของผม ออกจากความยากจน พวกเขาทนกับความยากลำบากมานานเกินไปแล้ว ผมอยากพาพวกเขาไปเที่ยวให้เต็มเหนี่ยวแบบไม่ต้องคิดอะไรให้มาก สักวันหนึ่งผมจะต้องพาพวกเขาออกท่องโลกกว้าง แล้วเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของพวกเขาให้ได้”

ส่วนในฐานะนักกีฬาอาชีพ ผมต้องการคว้าแชมป์โลก ONE มวยไทย มาครองให้ได้ และหวังว่าสักวันหนึ่งผมจะสร้างชื่อโด่งดังไปทั่วโลกได้ เหมือนกับสองสุดยอดตลอดกาลของวงการต่อสู้ อย่าง “ไมค์ ไทสัน” และ “มูฮัมหมัด อาลี”