เมื่อวันที่ 30 ม.ค.นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด  เปิดเผยขั้นตอนการยื่นอุทธรณ์ คดีภายหลังศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องทุกนายทุน มินลัต นักธุรกิจเมียนมากับพวก คดีสมคบค้ายาเสพติด ว่า คดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักรเป็นอำนาจการสั่งคดีขออัยการสูงสุดตาม ป.วิอาญา มาตรา 20 ดำเนินที่ให้อำนาจการสั่งคดีและสอบสวนคดีนอกราชอาณาจักรเป็นอำนาจของอัยการสูงสุด  ซึ่งเดิมคดีนี้ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุดท่านที่เเล้วเป็นคนมีคำสั่งฟ้องในส่วนการดำเนินคดีได้มอบหมายให้สำนักงานอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด9 เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดีในชั้นพิจารณาของศาล

โดยเป็นผู้ลงมือปฏิบัติในการทำคำร้องยื่นฟ้องและสืบพยาน เพราะฉะนั้นเมื่อสืบพยานแล้วศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง หน้าที่ต่อไปของพนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 9 ก็จะดำเนินการขอคัดถ่ายคำพิพากษาของศาล พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องในสำนวนมาเพื่อพิจารณาเขียนให้ความเห็นเบื้องต้น โดยพนักงานอัยการผู้ดำเนินคดีและอัยการพิเศษฝ่ายของสำนักงานคดียาเสพติดจะให้ความเห็นเบื้องต้นว่าเห็นควรอุทธรณ์หรือเห็นควรไม่อุทธรณ์คดี

จากนั้นสำนวนนี้ก็จะเสนอไปยังอธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติดเพื่อที่จะทำหนังสือส่งไปที่อัยการสูงสุด ซึ่งอัยการสูงสุดก็จะมอบหมายให้สำนักงานคดีอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นสำนักงานที่รับผิดชอบในเรื่องคดีนอกราชอาณาจักร ซึ่งจะมีอัยการระดับพิเศษฝ่ายของสำนักงานคดีอัยการสูงสุด เป็นคนสรุปและทำความเห็นผ่านอธิบดีสำงานคดีอัยการสูงสุด ไปยังรองอัยการสูงสุดที่กำกับดูแลและสุดท้ายก็จะเสนอให้อัยการสูงสุดเป็นผู้มีความเห็นว่า จะยังเห็นสมควรอุทธรณ์คดีต่อไปหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนจะต้องพิจารณาทุกกระบวนการแล้วเสร็จภายใน1 เดือนนับตั้งแต่วันที่ศาลอ่านคำพิพากษา แต่ถ้า 1 เดือนไม่ทันเพราะอาจจะติดขั้นตอนการคัดถ่ายเอกสารหรือการพิจารณาถ้อยคำสำนวนไม่แล้วเสร็จ ทางพนักงานอัยการคดียาเสพติด9 ก็จะเป็นคนไปดำเนินการขอขยายเวลา จนกว่าจะมีความเห็นสุดท้ายของอัยการสูงสุด ก็จะขยายเวลาเพื่อไม่ให้ขาดระยะเวลาอุทธรณ์

นายประยุทธ กล่าวว่า ซึ่งสำนวนคดีนอกราชอาณาจักรจะมีกระบวนการขั้นตอนต่างจากคดีทั่วไป ซึ่งคดีทั่วไปการพิจารณาจะอุทธรณ์หรือไม่อย่างไรเป็นอำนาจของอัยการศาลสูง ซึ่งจะมีอธิบดีอัยการศาลสูงเป็นผู้กำกับดูแล แต่ถ้าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรอัยการสูงสุดเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาและดำเนินคดี ก็จะสำนักงานคดีที่รับผิดชอบคดีคดีก็จะต้องทำความเห็นเบื้องต้น เพื่อเสนออัยการสูงสุดพิจารณาว่าจะอุทธรณ์หรือฎีกาต่อหรือไม่ ทั้งนี้เป็นไปตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการพ.ศ. 2563 ข้อ 209