นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 4-16 ก.พ. 67 รวม 13 วัน ทสภ. คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางผ่าน ทสภ. รวม 2,366,940 คน เฉลี่ยวันละประมาณ 182,072 คน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ (รวมขาเข้า-ออก) 1,949,564 คน และผู้โดยสารภายในประเทศ (รวมขาเข้า-ออก) 417,376 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเทศกาลตรุษจีนของปีก่อน 32.73% ส่วนเที่ยวบินคาดว่าจะมีเที่ยวบิน รวม 12,883 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละ 991 เที่ยวบิน แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ (รวมขาเข้า-ออก) 9,878 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ (รวมขาเข้า-ออก) 3,005 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากช่วงเทศกาลตรุษจีนของปีก่อน 19.99%

ทั้งนี้ มีสายการบินขอเพิ่มเที่ยวบินพิเศษ และเช่าเหมาลำ (Extra & Charter Flight) 10 สายการบิน รวม 226 เที่ยวบิน แบ่งเป็น เที่ยวบินภายในประเทศ 73 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 153 เที่ยวบิน ซึ่งสายการบินที่ขอเพิ่มเที่ยวบินพิเศษมากที่สุด 3 อันดับแรก (รวมขาเข้า-ออก) คือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส 73 เที่ยวบิน สายการบินไทยเวียตเจ็ท 42 เที่ยวบิน และสายการบินเซี่ยงไฮ้แอร์ไลน์ 26 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากช่วงเทศกาลตรุษจีนของปีก่อน 91.53%

นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า ทสภ. ขานรับนโยบายกระทรวงคมนาคม “เดินทางทั่วไทย คมนาคมสะดวก ปลอดภัย ใส่ใจให้บริการประชาชน” โดยได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ล่ามภาษาจีนสนับสนุนส่วนงานราชการ หรือสายการบิน เมื่อได้รับการร้องขอ รวมถึงประสานผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร จัดทำข้อความภาษาจีน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารชาวจีนในการใช้บริการ และเพื่อให้การอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทสภ. ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารมาใช้ระบบเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (Common Use Self Service: CUSS) และระบบรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop: CUBD Kiosk) ซึ่งเป็นอีกทางเลือกให้ผู้โดยสารทำการเช็กอินและโหลดกระเป๋าด้วยตนเอง โดยไม่ต้องรอรับบริการที่เคาน์เตอร์สายการบิน

นอกจากนี้ แนะนำให้ผู้โดยสารใช้แอปพลิเคชัน “SAWASDEE by AOT” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารในการตรวจสอบบริการต่างๆ ของท่าอากาศยาน ช่วยให้สามารถวางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้น เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว รวมถึงยังได้บูรณาการการทำงานร่วมกับส่วนงานต่างๆ โดยประสานสายการบินให้จัดเจ้าหน้าที่ และเปิดเคาน์เตอร์เช็กอินเพิ่มมากขึ้นให้เพียงพอต่อการให้บริการ รวมถึงทำการตรวจบัตรโดยสาร และโหลดสัมภาระล่วงหน้า 4 ชั่วโมง ลดความคับคั่งของผู้โดยสารขาออกที่มาก่อนเวลาปกติ 3 ชั่วโมง (ปัจจุบันดำเนินการแล้ว 23 สายการบิน) ประสานกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เพิ่มอัตรากำลังบริเวณจุดตรวจหนังสือเดินทางทั้งขาเข้า และขาออก และประสานผู้ให้บริการภาคพื้นเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร และอุปกรณ์ในการให้บริการให้เพียงพอ

นายกิตติพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการให้บริการระบบขนส่งรถสาธารณะ ผู้โดยสารสามารถเลือกใช้บริการขนส่งสาธารณะที่เชื่อมต่อกับสนามบินได้หลายรูปแบบ อาทิ รถแท็กซี่สาธารณะ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ รถโดยสารสาธารณะต่างๆ และรถลีมูซีนของสนามบิน โดยช่วงเวลาที่ผู้โดยสารใช้บริการหนาแน่น ทสภ. จะประสานผู้ให้บริการรถสาธารณะต่างๆ เตรียมรถให้พร้อมเข้ามาให้บริการแก่ผู้โดยสารให้เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ภายหลังรัฐบาลได้ลงนามความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกัน สำหรับนักท่องเที่ยวไทยและจีน หรือ วีซ่าฟรี (Visa Free) ไทย-จีน อย่างเป็นทางการ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 67 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดย ทสภ. เป็นประตูบานแรกที่สำคัญในการเปิดรับการเดินทาง ซึ่งพร้อมให้บริการผู้โดยสารให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการบินของประเทศต่อไป.