นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ททช.) ได้มีมติเห็นชอบการพัฒนาและยกระดับแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนที่มีศักยภาพให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลก เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวน้ำพุร้อนและเมืองสปา โดยจะนำร่องแหล่งน้ำพุร้อนสันกำแพง จ.เชียงใหม่ น้ำพุร้อนรักษะวาริน จ.ระนอง และน้ำพุร้อนคลองท่อม จ.กระบี่ ให้เป็นที่รู้จัก มีมาตรฐานสากล และ ยกระดับเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพน้ำพุร้อนระดับโลก เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า บริการ และกิจกรรมท่องเที่ยว เชิงสุขภาพ
พร้อมทั้งยกระดับสินค้าและบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้มีอัตลักษณ์ โดดเด่น และมีคุณภาพ ตลอดจนพัฒนาและยกระดับ ผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ และบุคลากรด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้เข้าสู่มาตรฐานด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยมีการเติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากความพร้อมและศักยภาพที่หลากหลาย ทั้งในด้านแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่น่าสนใจและกระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัดของประเทศไทย ความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวก การบริการด้านสุขภาพที่ครบวงจร มีคุณภาพและมาตรฐาน
ตลอดจนความมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทยที่สามารถนำมาสร้างประสบการณ์พิเศษ ด้านสุขภาพให้แก่นักท่องเที่ยว โดยข้อมูลรายได้จากการท่องเที่ยว ของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในปี 66 พบว่าการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม และแพทย์แผนไทยสร้างรายได้ 40,114 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 6.44%จากปี 65
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า สถาบันโกลบอลเวลเนส องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มุ่งเน้นงานวิจัยและข้อมูลทางการศึกษาด้านสุขภาพเชิงป้องกันและอุตสาหกรรมเวลเนสทั่วโลก ได้คาดการณ์มูลค่าเศรษฐกิจเพื่อสุขภาพทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 4.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 63 เป็นกว่า 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 68 หรือเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี
โดยกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตมากที่สุด คือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นอันดับที่ 4 จากทั้งหมด 11 กลุ่มธุรกิจ และจะเติบโต ต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ย 21% ต่อปี นอกจากนี้โดยในปี 2020 ไทยได้รับการจัดให้เป็นอันดับ 2 ในการเป็นจุดหมายด้านการพักผ่อน เพื่อสุขภาพ จากเวลเนส รีทรีท และอันดับ 5 ประเทศที่มีการดูแลสุขภาพที่ดี จากการจีดอันดับโกลบอล เฮลท์ ซิคิวริตี้ อินเด็ก ในปี 2021)
ทั้งนี้จากนี้จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลแหล่งน้ำพุร้อนภายในประเทศจากกรมทรัพยากรธรณีและสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่า ประเทศไทยมีแหล่งน้ำพุร้อนจำนวน 118 แห่ง โดยแหล่งน้ำพุร้อนส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ 71 แห่ง รองลงมาเป็นภาคใต้ 32 แห่ง ภาคกลาง 12 แห่ง และภาคตะวันออก 2 แห่ง