เรียกได้ว่ากำลังกลายเป็นประเด็นที่โลกออนไลน์กำลังให้ความสนใจ และเป็นข่าวช็อกวงการนางงาม ภายหลัง “พอลล่า ชูการ์ต” อดีตประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส (MUO) ที่ได้ประกาศอำลาตำแหน่งไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา บนเวทีการประกวด “มิสยูนิเวิร์ส 2023” หลังนั่งเก้าอี้มานานหลายปี ตัดสินใจเตรียมฟ้อง “แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป หลังถูกกล่าวหาฉ้อโกง และรับอามิสสินจ้างเพื่อให้ประเทศใดประเทศหนึ่งได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส พร้อมเตรียมดำเนินคดีกลับ

โดย พอลล่า ชูการ์ต ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงและออกแถลงการณ์ 2 ภาษา คือภาษาอังกฤษและภาษาไทย เกี่ยวกับการถูกกล่าวหาข้อมูลไม่จริง โดยระบุข้อความว่า “หลังจากที่ดิฉันได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์สเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ดิฉันเลือกที่จะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรมิสยูนิเวิร์ส พร้อมยังยินดีที่จะช่วยเหลือทางองค์กรและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านด้วยคำแนะนำ คำชี้แนะจากประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาเป็นเวลาอันยาวนาน

ดิฉันจำเป็นที่จะต้องออกมาแถลงในครั้งนี้ เพราะทางเจ้าขององค์กรมิสยูนิเวิร์ส แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ได้กล่าวหาดิฉันด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จและทำให้ดิฉันเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โดยปกติแล้วดิฉันเลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำพูดพวกนั้น แต่การกล่าวหาว่าดิฉันฉ้อโกงและรับอามิสสินจ้างเพื่อให้ประเทศใดประเทศหนึ่งได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สในการประกวดมิสยูนิเวิร์สแต่ละปี

คำกล่าวเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแต่เป็นการหมิ่นประมาทในตัวดิฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นการลดทอนคุณค่าของผู้หญิงทุกคนที่ได้ครองมงกุฎมิสยูนิเวิร์สที่ผ่านมาทั้งหมด ว่าพวกเธอนั้นเป็นมิสยูนิเวิร์สที่ซื้อตำแหน่งมาโดยไม่ได้เข้าสู่ระบบของการประกวดอย่างเป็นธรรม ดิฉันไม่สามารถยอมรับคำกล่าวหาที่รุนแรงอย่างไร้การยั้งคิดเยี่ยงนี้ได้ เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นการดูถูกความเป็นมิสยูนิเวิร์สและผู้ที่ได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สทั้งหมด

ดิฉันเตรียมดำเนินการทางกฎหมายในประเทศไทย ถึงแม้ว่าการดำเนินการทางกฎหมายของดิฉันจะเป็นเพียงแค่หนึ่งคดีของการฟ้องร้องจากหลายๆ คดีที่ผู้บริหารสูงสุดของบริษัท JKN กำลังเผชิญอยู่ก็ตาม แต่การออกมาประกาศความจริงและประณามต่อข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จคือสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการปกป้องมิสยูนิเวิร์สและชื่อเสียงขององค์กร ก่อนที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรมในราชอาณาจักรไทยต่อไป และฉันขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมด ดิฉันไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปร่วมในข้อถกเถียงข้อโต้แย้งทางสื่อโซเชียล

ทุกคนที่รู้จักดิฉันดีย่อมรู้ ความจริงทั้งหมดและสิ่งที่ดิฉันยืนหยัดอย่างมั่นคงมาโดยตลอด ดิฉันขอให้ประสบการณ์ทั้งหมดของดิฉันที่ทำงานร่วมกับผู้หญิงที่น่าชื่นชมทั่วโลกเหล่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนและเนื้อแท้ในตัวดิฉันเอง”..