ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังหารือร่วมกับ นายเล มิญ ฮวาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ว่า การหารือครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แสดงความชื่นชมผลการดำเนินงานด้านการตีตลาดสินค้าเกษตรโลกของฝ่ายเวียดนาม และเน้นย้ำถึงความสำคัญและความจำเป็นในการพึ่งพาอาศัยกันและกันระหว่างไทยและเวียดนาม รวมถึงระบุว่า ฝ่ายไทยพร้อมสนับสนุนและผลักดันการยกระดับความร่วมมือภาคเกษตรร่วมกับฝ่ายเวียดนาม อาทิ ความร่วมมือด้านพันธุ์พืชไร่ พืชสวน ประมง ปศุสัตว์ และมาตรฐานสินค้า โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดการดำเนินงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้เตรียมความพร้อมสำหรับการลงนาม MOU ด้านการเกษตรระหว่างไทย-เวียดนาม (ฉบับปรับปรุง) ซึ่งมุ่งเน้นให้พัฒนากรอบความร่วมมือให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์โลก เพื่อเป็นช่องทางการขยายความร่วมมือด้านการเกษตรที่หลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งในเชิงพาณิชย์และวิชาการ โดยทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจการลงนาม MOU ฉบับดังกล่าวเป็นอย่างมาก ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคม 2567 เพื่อศึกษาดูงาน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม และเสาะหาโอกาสการขยายตลาดภาคการเกษตร อีกด้วย

ทั้งนี้ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นประเทศคู่ค้าสินค้าเกษตรอันดับที่ 9 ของไทย ซึ่งระหว่างปี 2564-2566 มีสัดส่วนการค้าสินค้าเกษตรร้อยละ 3.38 ของมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรทั้งหมดของไทยกับโลก โดยสินค้าเกษตรส่งออกของไทยไปเวียดนาม 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. น้ำ รวมถึงน้ำแร่และน้ำอัดลม ที่เติมน้ำตาลหรือสารทำให้หวานอื่น ๆ หรือที่ปรุงกลิ่นรส 2. เครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อาทิ นมยูเอชที นมถั่วเหลือง 3. ของปรุงแต่งที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์อื่น ๆ นอกจากอาหารสุนัขหรือแมว อาทิ อาหารสุกร อาหารกุ้ง 4. บุหรี่ที่มียาสูบ และ 5. อาหารปรุงแต่งอื่น ๆ อาทิ เต้าหู้ แอลกอฮอล์ผง ครีมเทียม