จากกรณีที่แม่เลี้ยงเดี่ยววัย 34 ปี ถูกกีดกันไม่ให้พบลูกสาววัย 6 ขวบ เนื่องจากมีปัญหาหนี้สินกับผู้เลี้ยงดูและเพื่อนสนิท เหมือนเอาเด็กเป็นเครื่องมือต่อรองจนทำให้ต้องมาร้องขอความเป็นธรรมกับกลุ่มเป็นหนึ่ง โดยนางชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง ได้ติดต่อประสาน น.ส.ภัทรานิษฐ์ ก่อกุศล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 3 ค่ายสุรนารี ให้ความช่วยเหลือ

ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 26 ก.พ. หลังจากได้รับการประสานจากกลุ่มเป็นหนึ่ง เพื่อดำเนินการช่วยเหลือในกรณีดังกล่าว พ.ท.อดิเรก วสันต์สกุล ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 3 ค่ายสุรนารี ได้นำเจ้าหน้าที่ทหารพาแม่เลี้ยงเดี่ยวและทีมงานของกลุ่มเป็นหนึ่ง พร้อมด้วยทีมสื่อมวลชนจากหลายสำนัก เดินทางเข้าไปที่ อาคารบุญย่า กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 3 ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เผื่อได้เจรจาพูดคุยกับคู่กรณี สองสามีภรรยาผู้ช่วยรับเลี้ยงเด็กหญิงวัย 6 ขวบ ซึ่งสามีเป็นทหารใต้บังคับบัญชา เนื่องจากทางกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 3 ค่ายสุรนารี ต้นสังกัดของทหารผู้รับเลี้ยงเด็ก ได้ดำเนินการช่วยให้คู่กรณีได้พูดคุยไกล่เกลี่ยเพื่อหาข้อตกลง ไม่อยากให้เกิดปัญหาบานปลาย อีกทั้งได้ความสะดวกให้กับสื่อมวลชนเป็นอย่างดี โดยมีแม่เลี้ยงเดี่ยววัย 34 ปี ผู้ร้องทุกข์ นางชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง น.ส.ภัทรานิษฐ์ ก่อกุศล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา และครูผู้สอนเด็กหญิงวัย 6 ขวบ ร่วมเจรจาด้วย โดยไม่มีเจ้าหนี้ที่ชื่ออักษร ม. เนื่องจากติดภารกิจที่ต่างประเทศ

ในการพูดคุยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ต่างฝ่ายก็ต่างได้บอกเหตุผลและระบายถึงความอัดอั้นตันใจของตนเอง ก่อนที่จะได้ข้อสรุปว่า ทางสองสามีภรรยายินยอมให้แม่เลี้ยงเดี่ยววัย 34 ปี นำลูกสาววัย 6 ขวบ กลับไปเลี้ยงดูได้ หรืออาจจะนำไปให้อยู่ในการดูแลของพ่อเด็ก โดยจะมีบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา เฝ้าดูแลและประเมินผลอย่างใกล้ชิดว่า จะสามารถดูแลเด็กวัย 6 ขวบคนนี้ ได้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และหลักกฎหมาย โดยคำนึงถึงสภาพจิตใจและตัวของเด็กเป็นสำคัญ ก่อนที่จะนำรถตู้ของกิจการเด็กและเยาวชนมารับตัวแม่และเด็กออกไปทันที ส่วนในเรื่องของหนี้สินและทรัพย์สินต่างๆ ยังไม่ได้มีการพูดคุย เบื้องต้นในเรื่องของหนี้สินให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ทางด้านคู่กรณีสามีทหารและภรรยาที่รับเลี้ยงดูเด็ก เปิดเผยว่า ตนไม่เคยคิดจะกีดกันแม่ของเด็ก เพียงแต่อยากให้แม่ของเด็กมาใช้หนี้ ทั้งหนี้ของคนชื่อ ม. และในส่วนของรถยนต์ทั้งสองคัน และหากอยากได้รถก็ให้มาโอนกรรมสิทธิ์เอา สำหรับหนี้สินของแม่เด็กก็ให้ดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมาย ตนและภรรยาใช้ความรักเลี้ยงดูเด็ก 6 ขวบคนนี้เป็นอย่างดี สำหรับเรื่องที่บอกว่าไม่ให้ไปโรงเรียนนั้น เนื่องจากตนติดภารกิจหรือเด็กไม่สบายเพียงเท่านั้น ถึงจะไม่ให้ไปโรงเรียน ตนมีหลักฐานชัดเจน ไม่ได้บังคับให้ลูกหลานไม่ไปโรงเรียนแต่อย่างใด และยืนยันว่าไม่ได้ร่วมมือกับคนชื่อ ม. แต่อย่างใด.