เมื่อวันที่ 26 เม.ย. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากรายงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ภาพรวมสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำพบว่าปริมาณน้ำรวมมีจำนวน 45,940 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 55 เปอร์เซ็นต์ของความจุเก็บกัก มีปริมาณน้ำใช้การ 20,764 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 36 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งจากการประเมินสถานการณ์แหล่งน้ำเฝ้าระวังน้ำน้อย 4 แห่ง ประกอบด้วย ภาคเหนือ เขื่อนสิริกิติ์, ภาคอีสาน เขื่อนจุฬาภรณ์, ภาคตะวันออก อ่างเก็บน้ำคลองสียัด และภาคกลาง เขื่อนกระเสียว ซึ่งต้องเฝ้าระวังในช่วงฤดูแล้ง สำหรับคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแลนั้น อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนน้ำเพื่อการเกษตร แม่น้ำท่าจีน ณ สถานีประตูระบายน้ำปากคลองจินดา อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แม่น้ำแม่กลอง ณ สถานีอัมพวา อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แม่น้ำบางปะกง ณ สถานีวัดบางคาง อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ทั้งนี้ สทนช.แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนและน้ำเค็มรุกล้ำแม่น้ำ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 เม.ย. 2567

นายคารม กล่าวอีกว่า แนวทางการบริหารจัดการน้ำ สทนช.เปิดเผยว่า ขณะนี้ใกล้จะสิ้นสุดช่วงฤดูแล้งแล้วในสิ้นเดือน เม.ย. 2567 โดยปัจจุบันมีปริมาณน้ำในแหล่งน้ำทั่วประเทศ 45,099 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 55 เปอร์เซ็นต์ของความจุ ซึ่งนับว่าปริมาณน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยมีฝนตกน้อยกว่าค่าปกติจากอิทธิพลของสภาวะเอลนีโญ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแผนบริหารจัดการน้ำและกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดฤดูแล้งถัดไปแล้ว