เมื่อวันที่ 29 ก.พ.67 “บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ นายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารฯ ที่โรงแรมอเล็กซานเดอร์ รามคำแหง โดยมีวาระสำคัญคือเรื่องการพิจารณาข้อร้องเรียนเรื่องการหักเงินอัดฉีดนักกีฬาทีมชาติ ในซีเกมส์และเอเชียนเกมส์ ซึ่งเป็นข่าวอื้อฉาวมา เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ “สารวัตรโจ้” พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ อดีตนักตะกร้อทีมชาติได้ ได้ออกมาเปิดประเด็นว่านักกีฬาทีมชาติไทย ถูกหักเงินอัดฉีดมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะทีมเดี่ยว ที่จะถูกหักเกือบ 100% รวมเป็นเงินหลายล้านบาท และนักกีฬาที่ไม่ยินยอมจะถูกกีดกันออกจากทีมชาติทันที จนเรื่องถูกร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กระทั่ง สมาคมฯ ได้แต่งตั้งนายสมพงษ์ ชาตะวิถี อุปนายกสมาคมฯ ให้ทำหน้าที่สืบสวนเรื่องดังกล่าว

การประชุมครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 7 ชั่วโมง ก่อนที่ นายธนา จะออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้คณะกรรมการสืบสวน ได้นำเสนอข้อมูลการสืบสวนทั้งหมดเข้ามาแล้ว ซึ่งเรารับเรื่องที่ได้นำเสนอได้พิจารณา เพื่อตรวจสอบความถูกต้องอย่างละเอียดเพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย แต่เราต้องทำงานต่อ ใน 2 เกม คือ ตะกร้อชิงแชมป์โลก 2024 ที่มาเลเซีย ในเดือน พ.ค.นี้ และเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่ประเทศไทย ในเดือน พ.ย.นี้ ต่อไป โดยนักกีฬาจะใช้ชุดเอเชียนเกมส์เป็นหลัก ส่วนผู้จัดการทีมและทีมผู้ฝึกสอนชุดเดิม ที่ถูกกล่าวหาได้ให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ไปพลางๆ ก่อน และตั้งชุดใหม่ทั้งหมด และมีการแต่งตั้งผู้จัดการทีมและโค้ชชุดใหม่ มาทำหน้าที่แทน

ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้แต่งตั้ง นายสุพจน์ ตุ้มประชา เป็นผู้จัดการทีม และหัวหน้าผู้ควบคุมโค้ช พร้อมด้วยผู้ฝึกสอน 4 คน ดูแลทีมชายและทีมหญิง ประกอบด้วย นายสามารถ โพธิ์ทอง, นายสมพร ใจสิงหล, นายประเวศ อินทรา และ นายอธิยุต กิ้มทอง

ทางด้าน นายสมพงษ์ ระบุว่า การตรวจสอบนั้นเพื่อต้องการความโปร่งใส ข้อเท็จจริง จากเรื่องที่เป็นประเด็นขึ้นมา เราได้นำคำให้การของนักกีฬาทั้งหมดที่เชิญมา คำชี้แจงจากผู้ร้อง และผู้ถูกร้อง คือ ผู้จัดการทีมและผู้ฝึกสอน ก็ได้เข้ามาชี้แจง ซึ่งหลังจากประมวลแล้วได้ข้อสรุปว่า การบริหารจัดการที่ทำให้เกิดการหักเงินนักกีฬา ข้อยุติต่างๆ ได้นำข้อมูลมาชี้แจง มีมตินำข้อมูลเหล่านี้มาพิจารณาต่อไป ซึ่งการพิจารณาโทษ สมาคมฯ ได้ดำเนินการไปแล้วคือการหาผู้จัดการทีมและผู้ฝึกสอนใหม่

“ส่วนขั้นตอนการนำเงินจากนักกีฬา ไม่เห็นภาพ แต่ที่เห็นชัดเจนคือ ผู้จัดการและผู้ฝึกสอน ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งเป็นการปฏิบัติในสิ่งที่ไม่มีระเบียบสมาคมฯ รองรับ การหักเงินนั้นไม่สามารถระบุได้ว่าใครเอาเงินไป แต่นักกีฬาต่างให้ข้อมูลตรงกันว่าไม่อยากให้มีการหักเงินรางวัลนักกีฬามากเกินไป โดยเฉพาะนักกีฬาที่ได้เงินรางวัล 4 ล้านบาท ถูกหักไป 1.9 ล้านบาท การหักเงินนั้นเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน เป็นการตกลงกันในกลุ่มนักกีฬา” นายสมพงษ์ กล่าว

ขณะที่ พ.ต.ท.สืบศักดิ์ กล่าวว่า รู้สึกพอใจที่สมาคมฯ ให้ความสำคัญเรื่องนี้ และการที่ตนออกมาร้องเรียนก็เพื่อต้องการให้สังคมได้รับรู้ ตนไม่ต้องการทำร้ายให้ใครเสียชื่อเสียง แต่ต้องทำเพื่อให้มีการตรวจสอบเพื่อความยุติธรรมของนักกีฬาเท่านั้น.