สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ว่า นายหวัง อี้ รมว.การต่างประเทศจีน แถลงนอกรอบการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) ที่มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง ว่ารัฐบาลปักกิ่งคัดค้านอย่างถึงที่สุด ต่อการ “ใช้อำนาจบาตรใหญ่และการข่มขู่รังแก”


ขณะเดียวกัน จีนจะดำเนินการทุกวิถีทางตามกรอบของกฎหมาย เพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงขิงชาติ ตลอดจนผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของประเทศ เนื่องจากจีนยังคงเผชิญกับมาตรการปราบปรามซึ่งยังคงเกิดขึ้น และมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว ที่ยังมีการขยายขอบเขตออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งที่ต่างฝ่ายต่าง “มีความคืบหน้าบางอย่าง” ในการปรับปรุงความสัมพันธ์ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พบหารือกัน เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว


เจ้าหน้าที่การทูตหมายเลขหนึ่งของรัฐบาลปักกิ่งตั้งคำถามว่า “หากสหรัฐยังคงพูดอย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่ง แล้วเครดิตของความเป็นมหาอำนาจอยู่ตรงไหน” และ “ตราบใดที่สหรัฐยังคงต้องการใช้อำนาจฝ่ายเดียว เพื่อตัดห่วงโซ่ทางคุณค่าของจีน เพื่อกดทับให้จีนต้องอยู่ในระดับที่ด้อยกว่าเท่านั้น แล้วการแข่งขันที่เป็นธรรมและเท่าเทียมคืออะไร”


เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองของไต้หวัน ซึ่งมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา หวังกล่าวว่า “เป็นเพียงการเลือกตั้งท้องถิ่น” และเน้นย้ำว่า “รัฐบาลปักกิ่งไม่มีทางอนุญาตให้ไต้หวันแยกตัวออกจากแผ่นดินแม่” แต่ยืนยันเช่นกันว่า “การรวมชาติต้องเป็นไปอย่างสันติ”


นอกจากนี้ หวังกล่าวถึงบรรยากาศในทะเลจีนใต้ ซึ่งตอนนี้เป็นความตึงเครียดอย่างหนักระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ ว่า “รัฐบาลปักกิ่งแสดงออกอย่างอดกลั้นในระดับสูงมาตลอด” และ “เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่จะปกป้องตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ” จีนขอให้ “บางประเทศนอกภูมิภาคยุติการสร้างปัญหา และกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งมากไปกว่านี้”.

เครดิตภาพ : AFP