เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม. พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รองผบก.ตม.3 พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รองผบก.สส.สตม. และพ.ต.ต.ปิยพงษ์ องอาจ รองผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร ร่วมแถลง 3 คดี

โดยคดีแรก เจ้าหน้าที่จับกุมนายเจด (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 115-116/2567 ผู้ต้องหาฐานกระทำความผิดร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นซึ่งบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยการเข้าจับกุมในครั้งนี้เป็นการขยายผลหลังจากที่เจ้าหน้าที่จับกุม 3 คนไทย ซึ่งเป็นลูกน้องของนายเจด ที่ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อนหน้า

จากการสืบสวนพบบัญชีธนาคารของนายเจด มีเงินหมุนเวียนกว่า 150 ล้านบาท โดยมีการทำธุรกรรมพัวพันกับผู้ต้องหาในคดีก่อนหน้าถึง 1,000 ครั้ง ซึ่งก่อนเข้าจับกุมเมื่อช่วงวันที่ 22 ก.พ. 67 เจ้าหน้าที่ยังพบเหตุการณ์ลักลอบขนคนกัมพูชาในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งได้ทำการควบคุมตัวต่างด้าวไม่มีเอกสาร แต่ผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นนายเจด ได้หลบหนีไปก่อน ภายหลังการกดดันของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง นายเจด ได้ติดต่อเข้าขอมอบตัว โดยรับสารภาพว่ามีส่วนร่วมในการลักลอบคนต่างด้าวผิดกฎหมายจริง ส่วนเหตุผลที่มามอบตัวเพราะกดดัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตามตัวอย่างหนักจนต้องหนีไปนอนในป่าหลายวัน สุดท้ายคงคิดว่าหนีไม่รอด จึงขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ จากการขยายผลเพิ่มเติมพบนายเจดนั้นยังมีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายลักลอบขนแรงงานต่างด้าวในคดีอื่นอีกหลายคดี ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพว่าได้รับเงินในการขน 500 บาทต่อครั้ง และ 300 บาทต่อหัวในการขน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่านายเจด อาจจะได้เงินเยอะกว่านี้

คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่เข้าจับกลุ่มนางสุด (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี สัญชาติลาว ตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 281/2566 ผู้ต้องหาฐานกระทำความผิดร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยเจ้าหน้าที่สืบทราบว่านางสุด จะมาติดต่อธุระส่วนตัวบริเวณใกล้กับที่ทำการ ตม.จว.สมุทรสาคร จึงได้ตรวจสอบ จนกระทั่งพบบุคคลซึ่งมีรูปพรรณตรงกับหมายจับดังกล่าว จึงขอตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้เดินทางพบเป็นคนต่างด้าว คือ นางสุด จริง ก่อนแสดงหมายจับ จากการสืบสวน ทราบว่านางสุด เปิดบัญชีธนาคารสำหรับโอนเงินกลับประเทศลาวมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 70 ล้านบาท

คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านหรูแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 หลังต้องสงสัยว่ามีแก๊งชาวต่างชาติใช้เป็นฐานเปิดบ่อนพนันออนไลน์ โดยสามารถจับกุม น.ส.คิม (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี สัญชาติเวียดนาม กับพวกรวม 18 คน เป็นชาย 10 คน หญิง 8 คน ในข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางเลือกหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของกลาง 39 รายการ

โดยจุดดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนว่ามีบ้านพักแห่งหนึ่งมีชาวต่างชาติ ซึ่งพฤติกรรมน่าสงสัยรวมกลุ่มกันหลายคนอยู่ภายในบ้าน ซึ่งเปิดไฟทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืนและไม่ค่อยออกไปไหน จึงได้ทำการตรวจสอบ พบเป็นชาวต่างชาติลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์โดยใช้โถงของบ้านเป็นที่ทำงาน ซึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่จำนวน 10 ชุดและจะมีพนักงานนั่งอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ซึ่งมีการเข้าระบบเว็บพนันออนไลน์ จากการตรวจสอบพบมีนายทุนใหญ่เป็นชาวเวียดนาม ได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน เดือนละ 20,000 บาท และจะได้เงินส่วนแบ่งที่ได้จากการชักชวนลูกค้าที่มาเล่นพนันเพิ่มเติม.