นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการดำเนินงานหลังควบรวมครบ  หนึ่งปี ว่า ได้ทรานสฟอร์มองค์กรอย่างต่อเนื่องสู่การเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคม-เทคโนโลยีเต็มรูปแบบ  เพื่อส่งมอบประสบการณ์สื่อสารและนวัตกรรมบริการดิจิทัลแบบไร้รอยต่อให้แก่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจ รวมถึงการปรับโครงสร้างการดำเนินการสู่การเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างประโยชน์จากการผสานรวมกัน และในปี 2567 นี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนทุกส่วนธุรกิจด้วยการเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว  ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิบัติการ ดึงพลังเทคโนโลยี AI ผสานความเข้าใจลูกค้าเชิงลึกมาใช้ในการปฏิวัติพัฒนาบริการ

โดยได้วางกลยุทธ์ทางธุรกิจ  มุ่งเน้น 3 ด้าน คือ ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าระดับเวิลด์คลาส – ดึงเทคโนโลยีดิจิทัลเติมเต็มวิถีชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นในทุกวัน – พลิกธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะยกระดับขีดความสามารถของทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถสร้างประโยชน์จากการผสานรวมกัน เพิ่มศักยภาพในการให้บริการลูกค้า การบริหารต้นทุน และเพิ่มความสามารถในการทำกำไร บนพื้นฐานของจริยธรรม ความรับผิดชอบ และเป็นไปตามแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำกำไรในปี 67 นี้ และเติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคงแข็งแกร่ง พร้อมส่งมอบคุณค่าเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้าผู้บริโภค องค์กรธุรกิจ คู่ค้า ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน รวมถึงเสริมสร้างการเติบโตของสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ

“สำหรับ ประเด็นเรื่องของค่าบริการที่ประชาชนอาจได้รับผลกระทบจากการควบรวม ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของบริการสตรีมมิ่ง ที่ใช้ปริมาณดาต้าเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ หรือการใช้งานสมาร์ทโฟนที่กล้องถ่ายภาพมีคุณภาพมากขึ้น ทำให้เกิดการใช้งานดาต้าที่เพิ่มโดยไม่รู้ตัว ทำให้อาจส่งผลต่อเรื่องของค่าบริการที่สูงขึ้น”

นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  ทรู ให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ทั้งลูกค้าบุคคลและองค์กรธุรกิจ โดยได้พัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) แล้วมากกว่า 2,400 เสาทั่วประเทศ และมีแผนจะเพิ่มเป็น 10,000 เสา ในปี 67 อีกทั้งยังผสานโครงข่ายเตรียมพร้อมเป็นเครือข่ายเดียว (One Integrated Network) รวมถึงการใช้ประโยชน์คลื่นความถี่ทุกย่านอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานบนเครือข่ายที่ครอบคลุมมากขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ตั้งใจพัฒนา BNIC – Business Network Intelligence Center โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อออกแบบบริการและนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่เฉพาะเจาะจงตรงไลฟ์สไตล์ลูกค้าแต่ละบุคคลได้มากขึ้น โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์เชิงลึก คาดการณ์ และวางแผนการบริหารจัดการอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องการขยายเครือข่ายและเพิ่มสัญญาณแบบเจาะลึกเฉพาะพื้นที่ทั่วประเทศ และการให้บริการลูกค้าด้วยการมีปฏิสัมพันธ์แบบเฉพาะบุคคล (Hyper-personalize Services) สามารถให้บริการเชิงรุก ตลอดจนเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง

ขณะเดียวกัน ยังส่งมอบบริการแบบไร้รอยต่อในทุกช่องทาง (Omnichannel) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า อาทิ การให้บริการลูกค้า โดยวางแผนนำเทคโนโลยี AI วิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้ทีมงานบริการลูกค้าสามารถแนะนำบริการที่ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังจะยกระดับผู้ช่วยอัจฉริยะ Mari AI โฉมใหม่ ที่พัฒนาขึ้นจากการผนวกเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ (Humanoid) เข้ากับเทคโนโลยี AI สามารถให้ข้อมูลและแนะนำบริการได้อย่างรวดเร็วแบบอัตโนมัติ รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันเป็นหนึ่งเดียว (One Application) ที่จะครอบคลุมทั้งข้อมูลและบริการหลังการขายต่างๆ

อย่างไรก็ตามจะมีการสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการดิจิทัลที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตและเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกค้าในทุกๆวัน ผ่านบริการดิจิทัลที่หลากหลายและสิทธิประโยชน์ที่ตรงไลฟ์สไตล์เฉพาะบุคคล อาทิ ทรูไอดี (TrueID)

สร้างประสบการณ์ดิจิทัลใหม่ๆ ในการทำงาน เรียน บันเทิง และการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายและปลอดภัยภายในบ้าน อาทิ กล้อง CCTV แบบ AI สามารถตรวจจับและวิเคราะห์สิ่งผิดปกติ พร้อมแจ้งเตือนได้เรียลไทม์ รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็กอัจฉริยะในบ้าน (Smart Small Appliance) ที่สามารถดูสถานะการทำงาน ควบคุม และสั่งงานผ่านแอปพลิเคชันทรูเอ็กซ์ (TrueX)  รวมถึงบริการดูแลสุขภาพครบวงจร (Well-being) ได้ง่ายๆที่บ้าน โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ผ่านแอปพลิเคชัน หมอดี (MorDee)

นอกจากนี้ ทรู ยังนำดิจิทัลโซลูชันที่หลากหลาย ทรานสฟอร์มองค์กรธุรกิจ  ด้วยโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม และระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจร รวมถึงการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ เพื่อพัฒนาและยกระดับบริการมาตรฐานสากล โดยผสานเทคโนโลยีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น AI, Machine Learning (ML) และ IoT  พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เข้าสู่ศูนย์กลาง เพื่อจัดเก็บและนำไปใช้วิเคราะห์เชิงลึก (Data Analytics) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บนรากฐานความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการทรานสฟอร์มองค์ธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตร โรงงาน ธุรกิจค้าปลีก และที่พักอาศัย  พร้อมตั้งเป้ารายได้จากบริการดิจิทัลโซลูชันเติบโตเป็น 2 เท่า ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า

“ในปี 2566 ที่ผ่านมา ทรูเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งในด้านรายได้บริการและจำนวนลูกค้า อีกทั้งยังพัฒนาประสิทธิภาพและ EBITDA ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง  พร้อมที่จะเติบโตต่อเนื่องและทำกำไรในปี 2567 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญคือ การเดินหน้าส่งมอบสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านห่วงโซ่คุณค่าที่มีประสิทธิภาพ ด้วยทีมงานที่มีทักษะสูง รวมถึงการสรรหาความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของอุตสาหกรรม ตลอดจนการพัฒนาความสามารถด้านดิจิทัลของบุคลากรในองค์กรให้สามารถใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทในการออกแบบและสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการที่เกิดจากความเข้าใจลึกซึ้งในพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ตลอดจนสามารถส่งมอบความคุ้มค่าและอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน”