กรณีเกิดกระแสไวรัลชั่วข้ามคืน หลังผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งแชร์คลิป หนุ่มจิตเวช “ขุนเดช” นายเดช ธรรมประชา อายุ 44 ปี ดีดกีตาร์ร้องเพลงอธิษฐานลารักหน้าไฟ หรือน้ำตาลารักหน้าไฟ ที่แต่งขึ้นเอง แล้วนำมาขับร้องอย่างไพเราะ โดยปลัดอำเภอสมเด็จและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ที่มาติดตามประเมินผลอาการของผู้ป่วยจิตเวชพบเห็น แล้วถ่ายคลิปเผยแพร่ทางโซเชียล จนกลายเป็นไวรัลดังชั่วข้ามคืนถึง 3 ล้านวิว โดยมีคนเข้ามาติดตามและคอมเมนต์ พร้อมแชร์ในโลกโซเชียลอย่างแพร่หลาย เจ้าตัวสุดปลื้ม อ.ไข่ มาลีฮวนนา นักร้องดังในดวงใจ นำเพลงไปคัฟเวอร์อีกด้วย ล่าสุดค่ายเพลงนาคราชคู่ เอนเตอร์เทนเม้นท์ มาติดต่อเพื่อซื้อเพลง พร้อมให้โอกาสปั้นเป็นนักร้องในสังกัด ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

พลิกชีวิต! ค่ายเพลงดังเตรียมปั้น ‘ศิลปินจิตเวช’ ร้องเพลงเพราะจน ‘มาลีฮวนน่า’ เอาไปคัฟเวอร์

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 167 หมู่ 10 บ้านโคกกว้าง ต.มหาไชย อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ บ้านของ ขุนเดช มีฝ่ายปกครองอำเภอสมเด็จ นำโดย นายวิชาญ อิทธิฤกษ์มงคล นายอำเภอสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ และนายธานินทร์ วงศ์ศรีดา ผู้ใหญ่บ้านโคกกว้าง หมู่ 10 ต.มหาไชย อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ มาติดตามให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าตัวมีท่าทีสบายใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข โดยนำกีตาร์คู่ใจพร้อมสมุดแต่งเพลงมาอวดด้วยความภูมิใจ จากนั้นก็ดีดกีตาร์ร้องเพลงให้ฟัง ซึ่งเป็นในแนวเพลงเพื่อชีวิตที่แต่งและคิดทำนองขึ้นเอง

นายธานินทร์ กล่าวว่า นายเดช เป็นลูกบ้านตนเคยแต่งงาน มีครอบครัว แต่หย่าร้างกับภรรยาแล้วหลายปี เนื่องจากนายเดช เคยมีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บางครั้งมีพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง ถึงขั้นจะทำร้ายคนในครอบครัว จึงรายงานไปที่ฝ่ายปกครอง คัดกรองพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเข้ามาดำเนินการบำบัดฟื้นฟูและส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามนโยบายกระทรวงมหาดไทยและนายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.กาฬสินธุ์

นายธานินทร์ กล่าวอีกว่า หลังฝ่ายปกครองและผู้นำชุมชนเข้ามาดำเนินการบำบัดฟื้นฟู ตามแนวทางทางการดำเนินงานการบำบัดฟื้นฟูโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน และแนวทางปฏิบัติ CBTx ของกระทรวงมหาดไทย จากการประเมินภาวะอารมณ์และพฤติกรรมของนายเดช พบว่าดีขึ้นตามลำดับ โดยนิสัยส่วนตัวเขาค่อนข้างเป็นคนขี้อาย ชอบหาที่สงบๆ นั่งคิดเพลง เขียนเพลง เล่นกีตาร์อยู่คนเดียว ชาวบ้านที่ผ่านมาเห็นและได้ยินก็ออกปากชมว่าเพราะดี น่าฟัง ก่อนที่ปลัดอำเภอและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจะมาพบเห็น และถ่ายคลิปแชร์ในโซเชียล จนกลายเป็นไวรัลชั่วข้ามคืนดังกล่าว พอถึงวันนี่เขากลายเป็นคนดังในโลกออนไลน์ จึงมีคนตั้งฉายาให้เขาใหม่ จากที่เคยเรียก “ขุนเดช” เป็น “ขุนเดช มหาไชย”

ขุนเดช มหาไชย กล่าวว่า ตนเรียนจบ ม.6 เคยมีคนรัก มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกสาว 1 คน ต่อมาหลงผิดชีวิตจึงเปลี่ยนทิศเดินหลงทาง ทำครอบครัวแตกหัก โชคดีที่สังคมยังให้โอกาส ด้วยการโอบอุ้มของฝ่ายปกครองและผู้นำชุมชน หมั่นมาเยี่ยมและให้กำลังใจ ตามแนวทางดำเนินงานการบำบัดฟื้นฟูโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ในขณะที่ตนก็พยายามกลับตนเป็นคนดี ทั้งนี้ มีกีตาร์และเสียงเพลงคอยปลอบประโลมใจ จึงทำให้มีวันนี้ และได้รับโอกาสดีๆ จากหลายๆ ฝ่าย ที่จะเข้ามาปรับเปลี่ยนชีวิตตนให้ดีขึ้น

ขุนเดช กล่าวอีกว่า สิ่งที่ดึงตนกลับมามีสติสัมปชัญญะได้ ขอพูดเลยว่าเพราะการดำเนินงานการบำบัดฟื้นฟูโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนดังกล่าว ตนเองก็ใช้เวลาในแต่ละวันคิดเพลง คิดทำนอง จับคอร์ด เล่นกีตาร์ แบบว่าเพียงได้หยิบสมุด ปากกา คิดถ้อยคำสำนวนออกมาเป็นคำร้อง และหยิบกีตาร์ขึ้นมาจับคอร์ดเท่านั้น อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นสงบ และสุนทรี เอาเรื่องในอดีตส่วนตัว เรื่องใกล้ตัว เรื่องที่เกิดขึ้นในสังคม มาคิดมาร้อยเรียงเป็นบทเพลง บอกผ่านความรู้สึกและบทเรียน ทางเสียงเพลงเสียงกีตาร์ ที่เขียนเอง ร้องเอง ทำให้ตนกลับมาถึง ณ จุดนี้ ด้วยหัวใจของลูกผู้ชาย ที่พร้อมจะกลับมามีพลังฮึดสู้อีกครั้งหนึ่ง

“ขอขอบคุณทุกฝ่าย ทุกคน ที่ให้กำลังใจผมมาโดยตลอด ในส่วนมีค่ายเพลงมาติดต่อเพื่อเป็นศิลปินในสังกัดนั้น เป็นสิ่งที่เกินความคาดฝันของผม หากเป็นจริงก็ถือเป็นความโชคดีมากๆ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องของอนาคต ส่วนผมก้าวมาถึงจุดนี้ได้ อันดับแรกคือการที่ยังมีจิตสำนึกและหัวใจที่เข้มแข็ง รวมทั้งมีดนตรีในหัวใจ หากผ่านการประเมินทั้งด้านจิตใจ ด้านภาวะอารมณ์ และหากมีโอกาสก็จะใช้ความสามารถด้านเขียนเพลง เล่นกีตาร์ร้องเพลง เพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองต่อไป ในช่วงนี้ หากไม่มีใครมาแวะเยี่ยม ถามไถ่ ก็คงดำเนินชีวิตตามปกติ ด้วยการรับจ้างทั่วไป และเวลาว่างเขียนเพลง เล่นกีตาร์ ตามแนวทางที่ตนถนัดและเลือกทางเดินชีวิตให้ตนแล้ว” ขุนเดช มหาไชย กล่าวในที่สุด

นายวิชาญ กล่าวว่า ในช่วงนี้ถือว่านายเดช ธรรมประชา หรือฉายาใหม่ขุนเดช มหาไชย ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองและชุมชน ต.มหาไชย อ.สมเด็จ ในประเด็นที่สร้างสรรค์ เป็นแบบอย่างที่ดีของคนที่เคยเป็นผู้ป่วยจิตเวชกลุ่มสีแดง แต่กลับมีความสามารถด้านการแต่งเพลง เล่นกีตาร์ ร้องเพลงได้อย่างไพเราะ หลายบทเพลงให้กำลังใจ มีความหมายลึกซึ้งกินใจ เสียงร้องแหบ มีเสน่ห์น่าทึ่ง

นายวิชาญ กล่าวอีกว่า หากขุนเดช มหาไชย ผ่านการประเมิน ไม่ได้เป็นผู้ป่วยจิตเวช ในส่วนที่มีค่ายเพลงมาติดต่อเพื่อปั้นให้เขาเป็นศิลปินในค่ายนั้น ก็เป็นสิทธิของเขา ขณะที่ทางอำเภอเอง หากมีโอกาสก็จะให้เขาเป็นส่วนหนึ่งในทีมวิทยากรบำบัดฟื้นฟูผู้ที่เคยข้องเกี่ยวกับสารเสพติด เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีในการเอาชนะใจตนเอง จากคนที่เคยหลงทาง มาเป็นคนที่ชี้นำทางสว่างให้กับคนอื่นได้ โดยไม่กลับไปมีพฤติกรรมซ้ำอีก ด้วยสติและเสียงเพลง