สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ว่า นพ.เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) แถลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่านับตั้งแต่มีการยืนยันผู้ป่วยโรคโควิด-19 คนแรกของโลก ที่เมืองอู่ฮั่นในจีน เมื่อเดือน ธ.ค.2562 ผ่านมาแล้วนานกว่า 18 เดือน โรคดังกล่าวคร่าชีวิตประชากรโลกไปแล้วมากกว่า 4 ล้านคน  แต่ตัวเลขนี้ "น่าจะน้อยกว่าความเป็นจริงมาก"
ทั้งนี้ เชื้อไวรัสโคโรนายังคงกลายพันธุ์และแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว แต่การจัดสรร การกระจาย และการฉีดวัคซีนบนโลกยังคงเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียม ขณะเดียวกัน ความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นยังส่งผลไปถึงกระบวนการรักษา การจัดหาออกซิเจนทางการแพทย์ และยารักษาโรค ผลที่ออกมาคือหลายประเทศในทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย และอเมริกาใต้ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังคงมีกลุ่มประเทศใช้นโยบายกักตุนวัคซีน ถือเป็นการดำเนินแผนยุทธศาสตร์สาธารณสุข "ที่ไร้ประสิทธิภาพอย่างยิ่ง" เมื่อต้องต่อสู้กับเชื้อโรคซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และแพร่เชื้อโดยมีมนุษย์เป็นพาหะ ยิ่งไปกว่านั้น บุคลากรสาธารณสุขซึ่งเป็นด่านหน้าในหลายประเทศ ยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่โด๊สเดียว
ด้าน นพ.ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการโครงการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของดับเบิลยูเอชโอ กล่าวถึงการที่สหราชอาณาจักรเตรียมผ่อนคลายมาตรการควบคุมทางสังคมที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ว่าโดยส่วนตัวเขาไม่คิดว่า เป็นเจตนาของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ในการเดินหน้า "สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ตามธรรมชาติ" ด้วยการให้ประชาชนติดโรค แต่การที่มีหลายกลุ่มตีความนโยบายดังกล่าวไปในทางนั้น และหากเป็นเช่นนั้นจริง สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในสหราชอาณาจักรถือเป็น "ความโง่เขลาในทางระบาดวิทยา".

เครดิตภาพ : AP