นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังลงพื้นที่ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เพื่อดูท่าเรือส่งออก สร้างด่านกักสัตว์ และรับฟังปัญหาเกษตรกร เร่งผลักดันส่งออกสินค้าปศุสัตว์ สร้างรายได้ พร้อมเยี่ยมกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์นำเข้าและส่งออก ณ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน จังหวัดเชียงราย ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง มีนโยบายให้กระทรวงเกษตรฯ ดูแลสินค้าเกษตรและช่วยให้ชีวิตของเกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเจรจาการค้ากับประเทศจีน และซาอุดีอาระเบีย เพื่อเปิดตลาดสินค้าปศุสัตว์ โดยไทยจัดเตรียมฟาร์มให้ได้มาตรฐานเพื่อส่งออกตรงตามประเทศปลายทาง และสร้างความมั่นใจว่าไม่มีโรคระบาด ซึ่งจะทำให้เกษตรกรไทยมีรายได้จากการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ และช่วยให้กลไกตลาดกลับสู่สภาวะเป็นปกติ หลังจากนั้นได้เยี่ยมชมการปฏิบัติงานท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และร่วมมอบนโยบายการดำเนินงานแก่เจ้าหน้าที่ให้การดำเนินโครงการสำคัญ อาทิ โครงการส่งเสริมความร่วมมือกับท่าเรือกวนเหล่ย ประเทศจีน โครงการเขตปลอดอากร (Free Zone) และโครงการส่งออกสัตว์มีชีวิต อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

หลังจากนั้น ได้เดินทางไปพื้นที่สำหรับจัดทำสถานกักกันสัตว์ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เพื่อร่วมพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกรในการก่อสร้างสถานที่กักกันสัตว์ โดยให้อ้างอิงรูปแบบจากสถานที่กักกันสัตว์ ณ เมืองสิง ประเทศลาว ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯ จะสนับสนุนด้านข้อมูลกฎหมาย การประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงจัดหาพื้นที่ชลประทานหรือสิ่งจำเป็นภายใต้การดูแลของกระทรวงฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พื้นที่ดังกล่าว สามารถเป็นสถานที่เลี้ยงสัตว์ พร้อมกักกันโรคก่อนส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยมอบหมายกรมปศุสัตว์ให้วางมาตรการสำหรับดำเนินการ 2 ส่วน ได้แก่ 1. เจรจากับทางจีนให้ประเทศไทยได้รับโควตาส่งออกวัวได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านไปกักกันโรคที่ประเทศลาว เพื่อลดการแบกรับต้นทุนของเกษตรกร และ 2. เปิดให้มีการเจรจาพูดคุยกันระหว่างผู้ประกอบการไทย จีน และลาว ร่วมมือกันทำธุรกิจส่งออกวัวไทยไปจีน โดยมีลาวเป็นคู่ค้าร่วมเพื่อให้การส่งออกเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งต้องเปิดการเจรจากับทาง สปป.ลาว ต่อไป