เมื่อวันที่ 8 ก.ค. นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “การพบการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ในหลายแคมป์คนงานก่อสร้าง เชื่อว่าเป็นที่มาของคำสั่งล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้างใน กทม.และปริมณฑล การปิดไซต์งาน หยุดงานก่อสร้าง ห้ามเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงาน กักตัวคนงานให้อยู่ในที่พัก คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า เป็นเวลา 1 เดือน ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเนื่องจาก

1. โอกาสที่คนงานติดเชื้อในขณะทำงานกลางแจ้งที่ไซต์งานซึ่งมีพื้นที่กว้าง มีแสงแดด มีลมพัด (ดูรูป) น้อยกว่าโอกาสติดเชื้อขณะพักอาศัยร่วมกันในที่พักชั่วคราวของคนงานก่อสร้างซึ่งมีพื้นที่แคบ อยู่กันอย่างแออัด อากาศถ่ายเทไม่ดี (ดูรูป)  การประกาศให้หยุดงานและกักตัวให้คนงานอยู่แต่ในที่พักชั่วคราว ห้ามเคลื่อนย้าย ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากกลุ่มคนงานก่อสร้างไปยังผู้อื่น

คนงานเหล่านี้อายุน้อย 20- 40 ปี หากติดเชื้อโควิด รักษาตามอาการ ก็หายเองได้ เกิดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ โอกาสป่วยหนักและเสียชีวิตก็น้อยมาก การสั่งปิดงานก่อสร้างไม่ได้ช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพราะคนงานจำนวนมากได้หนีกลับบ้านเกิด เพราะไม่อยากโดนกักตัว เอาเชื้อโควิดจากกรุงเทพฯ ไปติดญาติผู้ใหญ่ในต่างจังหวัด ทำให้คนสูงอายุป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลและมีโอกาสเสียชีวิตสูง

2.การปิดไซต์งานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่หลายร้อยแห่งอย่างกะทันหันเป็นเวลาหนึ่งเดือน นอกจากทำให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจ เศรษฐกิจของประเทศยังทำให้เสียหายต่องานก่อสร้างเอง เช่นปล่อยให้เสาเข็มที่ทำไว้ไม่มีการดูแล ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน  อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนที่อยู่ใกล้บริเวณโครงการก่อสร้าง หรือต้องผ่านบริเวณที่มีการก่อสร้างเหล่านั้น

3.เงินที่นำมาเยียวยาชดเชยลูกจ้างและนายจ้างหลายพันล้านบาท ควรจะนำมาใช้ในการเร่งจัดหาวัคซีนให้กับแรงงานก่อสร้างมากกว่า

การปิดงานก่อสร้างกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม หลายฝ่ายอยากให้มีการทบทวน ผ่อนคลายคำสั่งห้ามก่อสร้าง และการเคลื่อนย้ายแรงงานก่อสร้างเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ..

ขอบคุณภาพประกอบ : หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC