เมื่อวันที่ 22 มี.ค. พ.ต.ต.พัฒนนันท์ สมนวล สารวัตรสอบสวน สภ.สัตหีบ รับแจ้งเหตุมีคนร้ายลักทรัพย์ ถูกเจ้าของบ้านยิงได้รับบาดเจ็บ ภายในบ้านเลขที่ 104/128 หมู่ 6 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยชุดสืบสวน และหน่วยกู้ชีพ โรงพยาบาลสัตหีบ กม.10

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ภายในบ้านพบร่างคนร้ายที่บุกรุกเข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์ ทราบชื่อต่อมาคือ นายเมทะนี พุทธโส อายุ 44 ปี ในชุดสวมไอ้โม่งคลุมปิดบังใบหน้า อยู่ในสภาพนอนหงายจมกองเลือด นอนร้องครวญคราง พบแขนซ้ายถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. หัวกระสุนทะลุถูกกำแพงเป็นรู 1 นัด ข้างกายมีกระเป๋าหนังสะพายสีน้ำตาล ภายในมีทรัพย์สินเจ้าของบ้านเป็นพระพุทธรูป สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี และพระอุปคุต เบื้องต้นหน่วยกู้ชีพได้ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลคนเจ็บ ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษายังห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ

ส่วนเจ้าของบ้าน ทราบชื่อคือ นาวาเอกพัฒน์สมิทธ์ นิ่มเรือง อายุ 51 ปี นักแม่นปืนชั้น 2 สังกัด กองทัพเรือ ยืนรอให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมนำอาวุธปืนชนิดออโตเมติก ขนาด 9 มม. ซึ่งใช้ในการก่อเหตุยิงคนร้าย มอบเป็นหลักฐานให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ

นาวาเอกพัฒน์สมิทธ์ เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนนี้บ้านได้ถูกคนร้ายบุกขึ้นงัดลักทรัพย์สินถึง 7 ครั้ง ก่อนเกิดเหตุได้นอนหลับอยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นช่วงยามวิกาล ได้ยินเสียงมีคนพยายามงัดหน้าต่างข้างบ้าน ซึ่งติดกับป่ารกทึบ ด้วยความเกรงอาจเกิดอันตราย จึงได้คว้าอาวุธปืนติดตัวเดินตรวจตราในบ้าน ก่อนจะมาประสบซึ่งหน้ากับคนร้ายที่มีกันอยู่ 2 คน ได้ตะโกนบอกให้คนร้ายหยุดหลายครั้ง เมื่อคนร้ายเห็นได้ทำทีจะเข้ามาทำร้าย รวมถึงพยายามจะล้วงหยิบอะไรในกระเป๋า จึงได้ตัดสินใจป้องกันชีวิตตัวเอง ที่ในเวลานั้นอยู่เพียงลำพัง ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่แขนซ้าย 1 นัด เพื่อสกัดไม่ให้คนร้ายล้วงหยิบ หลังสิ้นเสียงปืนคนร้ายอีกราย ได้ทิ้งเพื่อนวิ่งหนีหายไปทางป่าข้างบ้าน

เบื้องต้นสอบถามคนร้าย ให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่เข้ามาในวันนี้ เพื่อต้องการนำพระพุทธรูปทั้ง 2 องค์ ที่ได้โจรกรรมไปเมื่อวานนี้ นำกลับมาคืนที่เดิม เนื่องจากรู้สึกเกรงกลัวอะไรบางอย่าง

ขณะที่ พ.ต.ต.พัฒนนันท์ได้เชิญตัวเจ้าของบ้านไปทำการสอบปากคำ และยึดอาวุธปืนไว้ตรวจสอบ ส่วนจะดำเนินคดีในทางใดนั้น อยู่ในระหว่างการสอบสวนหาข้อสรุป และในส่วนของคนร้าย ตอนนี้ได้ให้ทางชุดสืบสวน ประสานทางโรงพยาบาล เพื่อเตรียมขออายัดตัว พร้อมติดตามตัวคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.