นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 66 ถือเป็นปีทองของ แกร็บ ประเทศไทย โดยถือเป็นแพลตฟอร์เดลิเวอรี่และเรียกรถโดยสารรายเดียวในไทยที่การดำเนินธุรกิจมีผลประกอบการกำไร ซึ่งเป็ยผลมาจากการเปิดให้บริการใหม่ๆ และรวมมือกับ ภาครัฐและเอกชน รวมถึง ธุรกิจการเดินทางที่เติบโตขึ้น อย่างมากภายหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย  ถึง 139% ขณะที่ธุรกิจเดลิเวอรี ทั้ง บริการแกร็บฟู้ด  และ แกร็บมาร์ท ก็เติบโต

โดยช่วยให้คนที่สมัตรแพ็คเกจอันลิมิเต็ต ประหยัดเงินค่าส่งรวมแล้ว 4,000 ล้านบาท  และ คนชับ พาร์ทเนอร์ ก็มีรายได้ต่อเดือนสูงขึ้น10% ร้านอาหารขนาดเล็ก สมัครเข้ามาเพิ่มขึ้น 32%  พร้อมเพิ่มช่องทางการชำระเงิน สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยร่วมมือกับ อาลีเพย์ และ กาเกา เพย์  พร้อมขยายฐานผู้ใช้บริการในต่างจังหวัด ผ่านการผนึกพันธมิตรกับธนาคารกรุงไทยโดยได้เชื่อมต่อระบบชำระเงินของแกร็บเพย์ วอลเล็ต เข้ากับแอปพลิเคชัน กรุงไทย เน็กซ์ เป็นต้น

สำหรับแผนปี 67 มุ่งเน้นไป ที่ กลุ่มหลัก คือ นักท่องเที่ยวชาว ต่างชาติ สมาชิกแพ็กเกจ และลูกค้าคุณภาพที่ใช้บริการ เป็นประจำ เช่นร่วมมือกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดให้บริกแกร็ยในสนามบินต่างๆ ล่าสุด จะเปิดในสนามบินสุวรรณภูมิ จากก่อนหน้านี้ เปิดไปแล้วที่ ภูเก็ต เชียงใหม่ และดอนเมือง พร้อมพัฒนา สิทธิประโยชน์ที่มากกว่าการให้ส่วนลดสำหรับสมาชิก การจัดแคมเปญส่วนลดเรียกรถต่างๆ  ประหยัดลงสูงสุดถึง 15% ร่วมถึงขับมือกับร้านอาหารเปิดตัวซับแบรนด์ใหม่ “ฮอท ดีล” เป็นเครื่องหมายการันตีความคุ้ม สั่งอาหารราคาประหยั ลดราคาเป็นพิเศษจากหลากหลายร้านอาหาร

นายวรฉัตร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังพัฒนาแกร็บ แชทจีพีที เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำคอนเทนต์หรืองานออกแบบ ภายในองค์กร นอกขากนี้ ในส่วน แอด แอนนิวเซอร์วิส เตรียมขยายบริการแกร็บแอด เพื่อสร้างรายได้จากโฆษณา และ การเจาะตลาดลูกค้าองค์กร โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว สินค้าสุขภาพ-ความงาม และสินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว  โดยที่ผ่านมา มีผลตอบแทนจากการโฆษณา เฉลี่ยสูงถึง 6 เท่า นอกจากนี้ยัง ยังสานต่อ เจตนารมณ์ในการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตให้กับผู้คนในสังคมควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยปีนี้จะสานต่อโครงการแกร็บอีวี ให้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับให้ได้ 10% ภายในปี 69