สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ว่า กระทรวงคมนาคมสหรัฐออกแถลงการณ์ เรื่องการจัดสรรงบประมาณฉุกเฉินเบื้องต้น 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,191.68 ล้านบาท) ให้แก่รัฐแมริแลนด์ เพื่อใช้ในการฟื้นฟูสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ ที่เมืองบัลติมอร์ ซึ่งพังถล่มลงมาทั้งหมด หลังถูกเรือบรรทุกสินค้า “ต้าหลี่” ของสิงคโปร์ พุ่งชนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา


ขณะที่มีการวิเคราะห์ว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดโครงการดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลกลางจะเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่น่าต่ำกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 21,916.80 ล้านบาท) และอาจสูงถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 73,039 ล้านบาท) ส่วนระยะเวลาของภารกิจทั้งหมดยังไม่สามารถกำหนดแน่นอนได้ แต่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า “ใช้เวลานานหลายปี”


ทั้งนี้ เรือต้าหลี่ซึ่งบรรทุกตู้คอนเทเนอร์มาด้วย 4,700 ตู้ ชนเข้ากับตอม่อสะพาน ฟรานซิส สกอตต์ คีย์ ภายในเวลาเพียง 2 นาที หลังลูกเรือส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เนื่องจากเครื่องยนต์ดับ และพยายามทอดสมอ เพื่อไม่ให้เรือเคลื่อนเข้าไปปะทะกับสะพาน แต่ไม่ทันการณ์


ขณะที่สำนักงานตำรวจรัฐแมริแลนด์ ยืนยันการกู้ร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้แล้ว 2 ราย จากทั้งหมด 6 ราย โดยผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายทุกคน เป็นชาวลาตินอเมริกา และเป็นคนงานก่อสร้างกะดึกที่ปฏิบัติงานในข่วงเวลาเกิดเหตุ


ด้านข้อมูลจากสำนักงานเจ้าท่าสิงคโปร์ระบุว่า เรือต้าหลี่ผ่านการทดสอบความพร้อม ในการเดินเรือออกต่างประเทศสองครั้ง เมื่อปี 2566 และเข้ารับการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ล่าสุด เมื่อเดือน มิ.ย. ปีที่แล้ว โดยทางการสิงคโปร์ส่งทีมงานเดินทางไปยังสหรัฐ เพื่อร่วมสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้เช่นกัน


ตอนนี้ ทางการรัฐแมริแลนด์ ปิดท่าเรืออย่างไม่มีกำหนด นับตั้งแต่เกิดเหตุ และการท่าเรือแห่งนี้ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 9 ของสหรัฐ คาดว่า กลไกห่วงโซ่อุปทานจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


อนึ่ง สะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ มีช่องทางการจราจรไปและกลับรวม 4 ช่องทาง มีความยาวประมาณ 2,632.3 เมตร และสูง 56 เมตร เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือน มี.ค. 2520 โดยชื่อของสะพานได้รับการขนานนาม เพื่อเป็นเกียรติแก่นายฟรานซิส สกอตต์ คีย์ ผู้ประพันธ์เพลง “เดอะ สตาร์ สแปงเกิลด์ แบนเนอร์” ซึ่งเป็นเพลงชาติสหรัฐ.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES