ฮายยยย..สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน วนกลับมาเจอพวกเรา “ชาวบ้าน 1/4” อีกแล้ว สัปดาห์นี้ก็พาทุกท่านมาเมาท์เรื่องราวที่เรียกได้ว่าฮอตฮิตกันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนๆ ก็เห็นคนเมาท์กันอย่างออกรส ออกชาติ สำหรับประเด็นการ “แตะหน้าที่เกาหลี” แต่ดันสะเทือนมาไกลถึงประเทศไทย ซึ่งจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ที่ทำเอาต่อมเผือกของชาวเน็ตต่างพากันรีบเร่งทำงาน เกิดจาก “ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด” หรือ “ทนายตั้ม” ทนายความชื่อดังได้ออกมาโพสต์ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ในเฟซบุ๊กว่า “นักแสดงรุ่นใหญ่ลายคราม รับจ๊อบพาลูกค้าซึ่งเป็นนักแสดงน้องใหม่ ไปเสริมหล่อที่เกาหลี ปรากฏว่าไม่พอใจที่ชวนไปกินปูแล้วน้องดาราไม่ไป ตบหน้าฉาดใหญ่กลางห้างดัง!” งานนี้ชาวเน็ตต่างตามล่า ว่านักแสดงรุ่นใหญ่ที่ถูกกล่าวถึง เป็นใครกันแน่ พร้อมช่วยกันไขปริศนากันยกใหญ่

ซึ่งต่อมาทางทนายตั้มก็ออกมาโพสต์คีย์เวิร์ดว่า “นึกว่าออกจากจากวงการเพราะถูกคนแบนแล้วจะมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น” จนทำให้กลายมามาเป็นหลักฐานชี้ชัด มุ่งเป้าไปที่นางแบบและพิธีกรดัง “ม้า-อรนภา กฤษฎี” ทันที ทำเอาชาวเน็ตที่ทราบข่าว พากันวิจารณ์เรื่องนี้อย่างร้อนแรง ซึ่งหลังจากที่ม้า อรนภาโดนชาวเน็ตถล่มยับ เจ้าตัวก็ได้โฟนอินเปิดใจผ่านรายการดัง โดยแย้งว่า “ทนายตั้ม เขียนข่าวเกินไป และขออย่าให้ใช้คำว่าตบ ดิฉันไม่มีอะไรจะพูดและไม่ใช่นักแสดงรุ่นใหญ่ ไม่ใช่คนดัง และมีชื่อเสียงอะไร ทั้งหมดไม่ได้ใหญ่โตตามที่วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องดังกล่าวได้มีการปรับความเข้าใจไปจนจบแล้ว ไม่ได้มีอะไร คุยกันธรรมดา โดยในวันที่ 29 พ.ย. นี้ ก็จะบินกลับมาจะมาชี้แจง” (ก่อนจะเปลี่ยนในภายหลังเป็นวันที่ 30 พ.ย.)

หลังจากนั้นก็มีการโต้กันไปมาระหว่างทั้งคู่ ก่อนที่ทางทนายตั้มจะออกมาเปิดหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ปรากฏเป็นภาพช่วงที่ดารารุ่นใหญ่ ใช้มือตบหน้า ดารานักแสดงน้องใหม่ จนหน้าหันไปอีกทาง ซึ่งคนที่ทำร้ายร่างกายก็มีลักษณะทรงผมคล้ายกับ ม้า อรนภา จริงๆ

และเมื่อถึงวันแถลง ม้า อรนภา ก็มาตั้งโต๊ะตามนัด โดยได้ระบุว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ยอมที่จะรับผิดตรงนี้แน่นอน รวมถึงได้ขอโทษน้องไปแล้ว ปรับความเข้าใจหมดทุกอย่าง จนกระทั่งน้องเข้าใจ ส่วนเหตุการตบหน้าก็ว่า รอน้องไปชอปปิง แต่พอน้องกลับมาก็บอกว่าไม่ไปกินปูแล้วนะ ทั้งๆ ที่แพลนกันไว้แล้ว “เลยแตะที่หน้า แต่ไม่ได้ตบ ไม่ได้โมโหแค่มือไว”

ส่วนทางด้านดาราหนุ่ม “เอ็ม-นันทวัฒน์ ผ่องบุรุษ” ก็ได้เปิดใจร้องไห้ผ่านรายการดัง พร้อมบอกว่า “แม้จะเคลียร์กันแล้ว แต่ในใจก็ยังรู้สึกอยู่ ในใจคิดว่าแล้ววันอื่นจะเป็นยังไงต่อไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมุมของผม อย่างภาพที่เห็นถูกตบหรือถูกแตะ ผมเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่มุมกล้อง หน้าหัน คือคนทำอาจจะรู้สึกว่าแตะ แต่คนโดนผมรู้สึกว่าตบ แต่ผมเจ็บเลย ยอมรับว่ารู้สึกโมโห ผมก็บอกให้เขาหยุดทำ ผมบอกทำแบบนี้ไม่ถูก และบอกว่าขนาดพ่อกับแม่ยังไม่ทำแบบนี้ ก่อนจะขอโทษกันทั้งสองฝ่าย เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”

โดยทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ ก็คงยังตัดสินแน่ชัดไม่ได้หรอกว่าใครผิด ใครถูก เพราะแต่ละฝ่ายก็ต่างมีเหตุและผล และเล่าในมุมของตัวเองกันทั้งนั้น แม้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะมี “หลักฐาน” เป็นคลิปวิดีโอให้ทุกคนได้เห็น และรับรู้ก็ตาม ซึ่งสุดท้ายก็อยู่ที่ “ใครจะเชื่อใครมากกว่ากัน” แต่สิ่งที่บอกเราได้อย่างชัดๆ เลยนั้นก็คือ “ถ้าไม่มีหลักฐานในวันนั้น ก็คงไม่มีงานแถลงข่าวในวันนี้” เอาเป็นว่าให้คลิปตัดสินแล้วกันว่าเป็น “แตะหรือตบ”..จบค่ะ!!..

———————————————
คอลัมน์ “คันปากอยากเมาท์”
โดย “เมี้ยนฤดี”