สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ว่า นายโดนัลด์ ทัสก์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ กล่าวว่า บรรยากาศในยุโรปตอนนี้ “คือยุคก่อนสงคราม” และเป็นสถานการณ์ซึ่งทุกฝ่ายไม่เคยประสบมาก่อน นับตั้งแต่ปี 2488 หรือสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง


ผู้นำโปแลนด์กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์ที่ดำเนินอยู่อาจยากลำบากสำหรับคนรุ่นหลัง แต่ยืนยันว่า ไม่ได้กล่าวเกินความเป็นจริง เนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปีแล้ว ปรับเปลี่ยนองค์ความรู้ทั้งหมดของทุกประเทศในยุโรปเกี่ยวกับสงคราม นานาประเทศเดินหน้าผลิตอาวุธ ทั้งเพื่อมอบความสนับสนุนให้แก่รัฐบาลเคียฟ และเพื่อเพิ่มปริมาณอาวุธสำรองในคลังแสงของตัวเองด้วย


ขณะเดียวกัน ทัสก์ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรียุโรป กล่าวว่า หากยูเครนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามครั้งนี้ จะไม่มีฝ่ายใดในยุโรป “รู้สึกปลอดภัยอีกต่อไป” ดังนั้น ทุกประเทศในยุโรปต้องร่วมกันเตรียมความพร้อมรับมือและเผชิญหน้ากับสถานการณ์ทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งภูมิภาค


นอกจากนี้ ผู้นำโปแลนด์มองว่า ช่วงเวลาสองปีนับจากนี้ “จะเป็นการชี้ชะตา” อนาคตทั้งของยูเครนและยุโรป ท่ามกลางการยกระดับความรุนแรงของสงครามโดยรัสเซีย ที่ตอนนี้ใช้ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง หรือ ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก โจมตียูเครนแม้กระทั่งเวลากลางวัน


ปัจจุบัน โปแลนด์ถือเป็นหนึ่งในสมาชิกแถวหน้า ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) โดยมีสัดส่วนการใช้จ่ายงบประมาณกลาโหมอยู่ที่ 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขณะที่สมาชิกนาโตส่วนใหญ่ที่เหลือ ยังมีสัดส่วนการใช้จ่ายด้านนี้ยังไม่ถึง 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายขั้นต่ำของนาโต


เกี่ยวกับแนวโน้มที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะได้รับการเลือกตั้งให้กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นครั้งที่สอง และทรัมป์กล่าวมาตลอดว่า ต้องการตัดงบประมาณที่รัฐบาลวอชิงตันใช้สนับสนุนนาโต ทัสก์กล่าวว่า พันธกิจของยุโรปคือการรักษานาโตให้คงอยู่ ไม่ว่าใครคือผู้นำสหรัฐก็ตาม.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES