จนกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือกีดกันการค้าของโลกล่าสุด รวมถึงการเข้ามาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้หลายธุรกิจต้องเร่งปรับตัว เพื่อให้ทันกับเทคโนโลยี ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนด้านการค้า ฉุดขีดความสามารถการแข่งขันได้
ล่าสุด PwC ประเทศไทย ออกมาเปิดรายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นของซีอีโอไทยปีล่าสุด พบว่า มุมมองของผู้บริหารต่อเศรษฐกิจโลกยังคงมีความแตกต่างกันอย่างมาก โดย 45% คาดว่า จะลดลง ขณะที่ 45% เชื่อว่า จะดีขึ้นในปีนี้ และมีเพียง 27% เท่านั้นที่มั่นใจว่ารายได้ของบริษัทของตนในปี 2567 จะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา และซีอีโอไทยส่วนใหญ่ยังแสดงความกังวลว่าธุรกิจของตนจะไปไม่รอดในอีก 10 ปีข้างหน้า หากยังดำเนินธุรกิจในรูปแบบเดิม ๆ หลังเจอแรงกดดันจากกระแสการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเข้ามาของเทคโนโลยี GenAI
ทั้งนี้ซีอีโอไทยมากกว่าครึ่ง หรือ 52% ที่ถูกสำรวจเชื่อว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้จะเติบโตกว่าปีก่อน โดยอัตราเงินเฟ้อ (30%) ความเสี่ยงทางไซเบอร์ (24%) และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (21%) จะเป็นภัยคุกคามที่สำคัญสามอันดับแรกที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยสองในสามของซีอีโอชาวไทย (67%) ไม่คิดว่าธุรกิจของพวกเขาจะสามารถอยู่รอดได้ในเชิงเศรษฐกิจในอีก 10 ปีข้างหน้า หากพวกเขายังคงดำเนินธุรกิจต่อไปบนเส้นทางปัจจุบัน
“พิสิฐ ทางธนกุล” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึง “รายงานผลสำรวจซีอีโอทั่วโลกประจำปี ฉบับประเทศไทย : นำธุรกิจมุ่งสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว” ว่าแม้ผลสำรวจของเราในปีนี้ จะพบว่า ซีอีโอไทยมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจะเติบโตได้ในปีนี้ แต่พวกเขาก็กลับไม่มั่นใจว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตขึ้นจากปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่ผู้บริหารจะต้องปรับรูปแบบธุรกิจ สินค้า และบริการเพื่อแสวงหาโอกาสในการเติบโตใหม่ ๆ ท่ามกลางภัยคุกคามและความท้าทายที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
“การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นอีกสองเมกะเทรนด์โลกที่จะยิ่งเข้ามาเพิ่มแรงกดดันในการทำธุรกิจให้กับซีอีโอมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเรามองไม่ต่างจากซีอีโอไทยส่วนใหญ่ว่า หากยังไม่มีการพลิกโฉมธุรกิจเพื่ออนาคตข้างหน้า ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า หลาย ๆ ธุรกิจไทยก็อาจจะไปไม่รอดในอีก 10 ปีข้างหน้า”
รายงานฉบับประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของ “รายงานผลสำรวจซีอีโอทั่วโลกประจำปี ครั้งที่ 27 ของ PwC” ที่ได้ทำการศึกษาและรวบรวมความคิดเห็นของซีอีโอทั่วโลกจำนวนทั้งสิ้น 4,702 ราย ซึ่งรวมถึงซีอีโอจากประเทศไทย จำนวน 33 ราย ในระหว่างวันที่ 2 ต.ค.-10 พ.ย. 2566
สำหรับปัจจัยเชิงบวกที่คาดว่าจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 น่าจะมาจากแนวโน้ม การส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นตามสัญญาณการค้าโลกที่เริ่มฟื้นตัว เช่นเดียวกับภาคการท่องเที่ยวภายหลังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นจากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง เช่น การยกเว้นวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวในหลาย ๆ ประเทศ แต่ความล่าช้าของการเบิกจ่ายงบประมาณฯ ปี 2567 และอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัวลง รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงจะยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม
นอกจากนี้ 73% ของซีอีโอไทยยังกล่าวว่า การขาดความสามารถด้านเทคโนโลยี ถือเป็นอุปสรรคอันดับแรก ที่จะส่งผลต่อการพลิกโฉมองค์กร (ในระดับปานกลาง มาก หรือมากที่สุด) ตามมาด้วยสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบการลำดับความสำคัญของการปฏิบัติงานที่แข่งขันกัน และพนักงานขาดทักษะความสามารถที่ 57% เท่ากัน
ข้อมูลจากรายงานผลสำรวจระบุว่า ช่วงที่ผ่านมาซีอีโอไทยได้เร่งดำเนินการในด้านต่าง ๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่นเดียวกับซีอีโอทั่วโลกและในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แต่แม้ว่า 79% ของซีอีโอไทยจะกล่าวว่า ตนกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน หรือได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายประเด็นที่ซีอีโอไม่มีแผนที่จะดำเนินการ เช่น 36% กล่าวว่า พวกเขาไม่ได้วางแผนที่จะลงทุน ในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ โดยอิงธรรมชาติเป็นพื้นฐาน และอีก 36% ก็ไม่มีแผนที่จะนำความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศมาผนวกเข้ากับการวางแผนทางการเงินของตนแต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้น ซีอีโอไทยมากกว่าครึ่ง หรือ 58% ยังกล่าวว่า ตนไม่ยอมรับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ตํ่ากว่าจากการลงทุนที่เป็นมิตรกับสภาพภูมิอากาศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงช่องว่างที่ยังคงมีอยู่ของการออกนโยบาย หรือมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อกระตุ้นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของประเทศ
สำหรับการเข้ามาของ GenAI ในภาคธุรกิจนั้น รายงานผลสำรวจของ PwC ระบุว่า 36% ของซีอีโอไทยกล่าวว่า ได้มีการนำ GenAI ไปใช้ในบริษัทของตนแล้ว ขณะที่ 24% ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของบริษัท อันเนื่องมาจาก GenAI ซึ่งตัวเลขเหล่านี้สอดคล้องกับตัวเลขทั่วโลกที่ 32% และ 31% และเอเชียแปซิฟิกที่ 33% และ 28%
ซีอีโอไทยยังมีมุมมองเชิงบวกต่อ GenAI โดย 52% เห็นด้วยว่า GenAI จะช่วยปรับปรุงคุณภาพ ของผลิตภัณฑ์และบริการในอีก 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่ 61% กล่าวว่า GenAI จะเข้ามาเปลี่ยนวิธีที่ธุรกิจสร้าง ส่งมอบ และรวบรวมคุณค่า อย่างมีนัยสำคัญในอีกสามปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี 58% ของซีอีโอไทยต่างเห็นตรงกันว่า GenAI จะส่งผลให้พนักงานภายในองค์กรของตนต้อง
หันมาพัฒนาทักษะใหม่ ๆ เพื่อรองรับกับการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ได้อย่างเต็มศักยภาพ
“ถึงเวลาแล้วที่ซีอีโอไทย จะต้องนำพาธุรกิจของตนสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อจัดการกับความท้าทายและจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนและการเปลี่ยนแปลงธุรกิจเพื่ออนาคต รวมทั้งควรต้องบรรจุประเด็นเรื่องความยั่งยืนเข้าไปในกระบวนการทำงานทั่วทั้งองค์กร และที่สำคัญ คือ การใช้ประโยชน์ จากเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และควรผนวกกรอบการใช้ AI อย่าง มีความรับผิดชอบเข้ากับกลยุทธ์ขององค์กร”.
Sustainable Daily Team
[email protected]