เหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ทุก ๆ นาทีและทุกการตัดสินใจ อาจหมายถึงชีวิต ซึ่งหลายครั้งผู้ที่เข้าให้ความช่วยเหลือเป็นลำดับแรกจะเป็น “อาสาสมัครกู้ภัยกู้ชีพ” แต่ใครจะคิดว่าเราจะมีโอกาสเจอ “อาสากู้ภัยที่มาในชุดพนักงานเซเว่นฯ”

น้องคิม เจษฎา มลิราช พนักงานเซเว่นฯ ที่ใช้เวลาว่างเป็นอาสากู้ภัย

สำหรับหลายคนแล้วคงเคยเห็น “คลิปไวรัลพนักงานเซเว่นฯ” ผ่านทีวีและโซเชียลต่าง ๆ ที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านด้วยการจับงูลำตัวขนาดใหญ่ จนบางคนรู้สึกแปลกใจว่าทำไมพนักงานเซเว่นฯ ถึงทำเรื่องนี้เช่นนี้ได้ ทั้งนี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้เราได้มีโอกาสเจอ “น้องคิมเจษฎามลิราช”ผู้ช่วยผู้จัดการร้านเซเว่นอีเลฟเว่น พื้นที่ อ.สัตหีบ.ชลบุรี จึงได้รู้ว่า น้องคิมได้เลือกใช้เวลาว่างหลังเลิกงานจากร้านเซเว่นฯ ทำงานช่วยเหลือสังคมและชุมชน ด้วยการเป็น “อาสากู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ” เพื่อคอยช่วยเหลือผู้คนในยามที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งน้องคิมได้เล่าที่มาที่ไปของการมาเป็นอาสากู้ภัยว่า ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณพ่อของน้องคิมที่ทำงานนี้มาก่อน น้องคิมจึงอยากทำงานช่วยเหลือสังคมเหมือนคุณพ่อบ้าง ทั้งนี้ น้องคิมได้เล่าว่า ช่วงแรก ๆ หลังทำงานอาสากู้ภัย ครั้งหนึ่งเจอเคสหนักเคสหนึ่ง ด้วยความที่ยังใหม่ เมื่อยิ่งเห็นเลือดเยอะ ก็ยิ่งรู้สึกกลัว แต่หลังทำงานนี้ได้สัก 1-2 ปี ความกลัวต่าง ๆ ก็มลายหายไป จนเหลือแต่ความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้คนให้ดีที่สุดเท่านั้น จึงตัดสินใจมาทำงานอาสากู้ภัยแบบเต็มตัว เพื่อเดินตามรอยของคุณพ่อ ที่เป็นแรงบันดาลใจของน้องคิม

.น้องคิม ขณะกำลังจับงู หลังได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน

ยอมรับว่าครั้งแรกที่ทำงานและได้เห็นเลือดในที่เกิดเหตุ รู้สึกกลัวมากครับ แต่พอทำไปสักระยะหนึ่ง ความกลัวไม่มีแล้วครับ เหลือแต่ความอยากช่วยเหลือคนให้ดีที่สุดมากกว่า ซึ่งจากวันแรกจนถึงวันนี้ ผมทำงานอาสากู้ภัยมาได้ 18-19 ปีแล้ว โดยใช้เวลาว่างหลังเลิกจากการทำงานตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการร้านเซเว่นฯ มาทำอาสากู้ภัย ที่ผ่านมาไม่เคยรู้สึกท้อหรือรู้สึกเหนื่อยเลย แต่รู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น เพราะผมและอาสากู้ภัยทุกคนมองว่าคนเจ็บคนป่วยหรือผู้ประสบเหตุทุกคนเป็นญาติของเราเสมอซึ่งตอนที่ผมเขามาทำงานนี้ใหม่ ๆ ก็ได้รุ่นพี่ ๆ คอยช่วยสอนให้ว่า 0tต้องทำอะไรบ้างเราก็ได้รับความรู้มาและตอนนี้เราก็กลายเป็นผู้ให้บ้าง ด้วยการนำความรู้กับประสบการณ์ถ่ายทอดให้กับอาสากู้ภัยรุ่นน้อง ๆ รุ่นใหม่ ๆ ต่อไป”

น้องคิม กำลังทำ CPR ช่วยผู้บาดเจ็บ ในชุดพนักงานเซเว่นฯ

น้องคิมได้เล่าประสบการณ์การทำงานอาสากู้ภัย ให้ฟังอีกว่า การทำความดีนั้นสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยเขาบอกว่า มีบางครั้งที่เวลาออกไปส่งสินค้าเดลิเวอรีให้กับลูกค้า แล้วบังเอิญเจอกับอุบัติเหตุซึ่งหน้า เขาก็จะตัดสินใจช่วยเหลือทันที ตั้งแต่ช่วยติดต่อประสานหน่วยงานแจ้งเหตุ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ตลอดจนประเมินอาการของผู้บาดเจ็บเพื่อส่งต่อให้โรงพยาบาล หรือบางครั้งก็ต้องทำ CPR ให้กับผู้บาดเจ็บที่หมดสติ ทั้งนี้ ที่น่าสนใจก็คือ นอกจากตัวของน้องคิมที่ทำงานอาสาสมัครกู้ภัยแล้ว ภรรยาของน้องคิมนั้น ซึ่งเป็นพนักงานเซเว่นฯ เช่นกัน ก็แบ่งเวลาหลังเลิกงานมาร่วมทำงานอาสากู้ภัยเช่นเดียวกันกับสามีอีกด้วย เรียกได้ว่า ครอบครัวนี้นับเป็นครอบครัวที่มี DNA ความดี 24 ชั่วโมงอย่างเต็มเปี่ยมจริง ๆ

น้องคิม กับภรรยา และลูก

ทั้งนี้ เรื่องราวของน้องคิม-เจษฏา และครอบครัว เป็นหนึ่งในตัวอย่างของการเสียสละและความมีน้ำใจของพนักงานเซเว่นฯ ที่ใช้เวลาว่างหลังเลิกงานออกมาช่วยเหลือผู้คนและชุมชน ที่สมควรได้รับการชื่นชมและยกย่อง โดยกรณีของน้องคิมและครอบครัวสะท้อนถึงอีกหนึ่งความโดดเด่นของเซเว่น อีเลฟเว่น ที่ขับเคลื่อน “โครงการความดี24 ชั่วโมง” มาอย่างต่อเนื่อง โดยเพียง 3 เดือนแรกของปี 2567 พนักงานเซเว่น อีเลฟเว่น มีโอกาสทำดีช่วยเหลือพี่น้องในชุมชนต่าง ๆ ไปแล้วกว่า 255 เคส ซึ่งสอดรับกับปณิธาน Giving and Sharing” ของ CP ALL.

น้องคิม ขึ้นบอกเล่าประสบการณ์การทำความดี