นาวาเอก รตน วันภูงา หัวหน้าฝ่ายอำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณผู้โดยสาร และเที่ยวบินที่มาใช้บริการที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภายังไม่กลับมาเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เมื่อปี 62 ซึ่งผู้โดยสารอยู่ที่ 1.63 ล้านคน โดยเมื่อปี 66 ผู้โดยสารอยู่ที่ประมาณ 4.4 แสนคน ซึ่งในปี 67 คาดว่าผู้โดยสารจะอยู่ที่ประมาณ 6 แสนคน อย่างไรก็ตามจากข้อมูล 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 67 (ต.ค.66-มี.ค.67) พบว่า มีผู้โดยสารมาใช้บริการแล้วประมาณ 2.8 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นผู้โดยสารชาวรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันท่าอากาศยานอู่ตะเภาอยู่ระหว่างเร่งทำการตลาดกับประเทศต่างๆ อาทิ จีน, อินเดีย, กัมพูชา, มาเลเซีย และไต้หวัน เพื่อดึงสายการบิน และผู้โดยสารมาใช้บริการมากขึ้น

นาวาเอก รตน กล่าวต่อว่า ตารางเวลาการบิน(Slot) ของท่าอากาศยานอู่ตะเภายังว่างอยู่มาก ขณะนี้มีสายการบินให้บริการเที่ยวบินประจำ 46 เที่ยวบินต่อสัปดาห์(ไป-กลับ) แบ่งเป็น ในประเทศ 34 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และระหว่างประเทศ 12 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ มี 3 สายการบินให้บริการ ได้แก่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ให้บริการเส้นทาง อู่ตะเภา-ภูเก็ต และอู่ตะเภา-สมุย, สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ ให้บริการเส้นทาง อู่ตะเภา-เชียงใหม่ และสายการบินฟลายดูไบ (Flydubai) ให้บริการเส้นทาง ดูไบ-อู่ตะเภา นอกจากนี้มีสายการบิน Azur Air ให้บริการเช่าเหมาลำ เปิดเส้นทางบินจาก 6 เมืองต่างๆ ของประเทศรัสเซียมายังท่าอากาศยานอู่ตะเภา ซึ่งถือเป็นผู้โดยสารกลุ่มหลักของท่าอากาศยานอู่ตะเภา

นาวาเอก รตน กล่าวอีกว่า แม้ท่าอากาศยานอู่ตะเภา จะกำกับดูแลโดยกองทัพเรือ แต่ยืนยันว่าได้มาตรฐานตามที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ไอเคโอ) และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) กำหนด โดยได้รับใบรับรองสนามบินสาธารณะจาก กพท. เมื่อเดือน มี.ค.65 จึงขอให้ผู้ใช้บริการมั่นใจในเรื่องคุณภาพ และความปลอดภัยในการให้บริการของทหารได้ ทั้งนี้ท่าอากาศยานอู่ตะเภาได้พยายามพัฒนาการให้บริการ และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในสนามบิน ตลอดจนระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อจากท่าอากาศยานอู่ตะเภาไปยังตัวเมือง หรือแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี ระยอง และตราด ซึ่งมีให้บริการทั้งรถแท็กซี่, รถลีมูซีน และรถโดยสารมินิบัส 

นาวาเอก รตน กล่าวด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมจัดรถโดยสารแบบสองแถวเข้ามาให้บริการเพิ่มเติม เพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้โดยสาร โดยอยู่ระหว่างการประสานไปยังกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เพื่อขอให้ขยายเส้นทางของรถสองแถวเส้นทางสัตหีบ-กิโล 10-บ้านฉาง-ระยองที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน โดยให้รถสองแถวเลี้ยวจากกิโล 10 เข้ามารับ-ส่งผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภาด้วย ซึ่งจะตอบโจทย์ และเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้แก่ประชาชนมากขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของค่าโดยสารของขนส่งสาธารณะต่างๆ ที่ให้บริการที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ได้มีเจรจากับผู้ประกอบทุกรายแล้ว โดยเน้นย้ำว่าต้องไม่ให้มีราคาที่แพงเกินไป โดยทางท่าอากาศยานฯ จะตรวจสอบอยู่เสมอ.