และมีการทำเรียลิตี้โชว์ที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด เป็น “เรียลิตี้โชว์แก้จน” ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมคนอีสาน คนเหนือ ยังรักนายทักษิณอยู่มาก เพราะลงพื้นที่ให้ประชาชนเห็นตัว พูดคุยได้ ไม่ใช่ประเภทมาไหว้แทบกราบก่อนเลือกตั้ง แต่พอได้เก้าอี้แล้วหน้าลอยอยู่บนเพดาน ติดต่ออะไรที่เคยง่ายก็ต้องผ่านหน้าห้อง

ซึ่งขณะนี้ วาระที่เสี่ยนิดกำลังขับเคลื่อนอย่างเต็มความสามารถคือเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ พยายามขับเคลื่อนให้ประชาชนเชื่อว่า “จะเกิดการลงทุนจากบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ในประเทศไทยแน่ๆ” ซึ่งถ้าใครถามว่าแล้วไหนล่ะ ? ที่ไปคุยมาสักเจ้ารึยัง มันก็ดูเป็นคำถามที่ไม่เป็นธรรมกับนายกฯ และรัฐบาล ผู้แทนการค้าไทย ผู้เกี่ยวข้องอยู่สักหน่อย

เพราะการลงทุนในระดับหมื่นล้านแสนล้านไม่ใช่การเจรจาประเภทคุยปุ๊บเซ็นสัญญากริ๊กเดียว เวนคืนที่พร้อมสร้างโรงงานทันที มันต้องรับฟังความเห็นประชาชนในพื้นที่ บรรษัทขนาดใหญ่เองก็ต้องประเมินผลความคุ้มทุน เช่น ค่าจ้าง ค่าขนส่ง ค่าต้นทุนการผลิต และมีปัจจัยอะไรที่เอื้อต่อการลงทุนผลิตสินค้าในประเทศนี้บ้าง

ทั้งนี้ เรื่องเศรษฐกิจปากท้องเป็นเรื่องสำคัญที่เรียกว่า แทบทุกรัฐบาลต้องยกมาเป็นอันดับหนึ่ง และประชาชนเองก็ยกเป็นอันดับหนึ่ง เพราะมันเกี่ยวข้องกับการอยู่ดีกินดี เพิ่มรายได้  ซึ่งประเด็นที่เขาเรียกร้องกันก็มีเรื่องหนึ่งคือการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ เช่น ประชาชนกู้สถาบันการเงินเพื่อเอาไปลงทุนได้ 

แต่ก็มีบางเรื่อง ที่ “เหมือนจะมีการขับเคลื่อน” แต่ต่อมาก็หายไป เรื่องที่ว่ามันเกิดขึ้นในช่วงที่เขาฮิตๆ ชูสามนิ้ว ตั้งกลุ่มนักเรียนเลว ให้มันจบที่รุ่นเรา ฯลฯ อะไรพวกนี้ คือ เสียงของเยาวชนที่มีต่อระบบการศึกษา ซึ่งสิ่งที่ได้มาก็..อาจเรียกว่า ดูเปลือกๆ ไปหน่อย อย่างเช่น การที่บางโรงเรียนฟรีเครื่องแบบ ทรงผม แต่งกายตามเพศสภาพ

น่าเสียดาย ที่ในขบวนการเคลื่อนไหวไม่ได้ตั้งคำถามกับระบบการศึกษาดีพอ และไม่ขับเคลื่อนให้มีการแก้ไขหลักสูตรแกนกลางบางเรื่อง ซึ่งตรงนี้เข้าใจว่า เป็นนักเรียนคงไม่สามารถไปทำได้ถึงขนาดนั้น แต่หลายอย่างที่เขาตั้งคำถามขึ้นมา ผู้ใหญ่ก็ต้องรับฟังบ้าง เช่น การที่ทำโพลว่า “อยากให้ยุบวิชาไหนมากที่สุด”

ผลคือ หลายคนโหวตให้กระบี่กระบองควรจะโดน เพราะเขาว่า “ไม่เห็นได้อะไร” บางโรงเรียนก็สอนแบบขอไปที ยุบ..ชิด..ยก คือพอรำได้งั้นๆ ไม่ใช่แบบสอนระดับใช้ต่อสู้ได้ เช่นนี้แล้ว ลองเปลี่ยนเป็นวิชาป้องกันตัวอย่างอื่นดีไหม ? กีฬาบางชนิดเขาฝึกกันตั้งแต่เด็กตัวเท่าเมี่ยง เช่น พวกเทควันโด ยูโด ซึ่งก็ไม่ทราบว่า ไม่สอนเพราะขาดแคลนบุคลากรหรือไม่

อยากฝากตะโกนดังๆ ถึง “บิ๊กอุ้ม” พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ว่า สถิติเด็กจมน้ำตายในแต่ละปีเยอะมาก ถ้าเป็นพวกนักข่าวที่รับข่าวดิบมา ก็เรียกได้ว่า “แต่ละเดือนมันเยอะมาก” ซึ่งน่าเป็นห่วงถ้ามันจะกลายเป็นเรื่องปกติที่ไม่มี “คุณค่าข่าว” มันจะไม่ถูกนำเสนอทั้งที่มันเป็นปัญหาสำคัญ คือ ทักษะในการว่ายน้ำ

ซึ่งในช่วงหน้าร้อน เด็กๆ ก็ไปเล่นน้ำกัน แล้วเกิดอาการตะคริว หรือเกิดพลาดลงไปในพื้นที่น้ำลึก กระทั่งเกิดน้ำไหลแรงฉับพลัน อย่างน้อยถ้ามีทักษะในการว่ายน้ำ มันก็ช่วยชีวิตได้ แต่สระว่ายน้ำถือว่า เป็นต้นทุนที่แพงสำหรับแต่ละโรงเรียน อย่างไรก็ตาม เห็นจำนวนเด็กจมน้ำตายแต่ละปีแล้ว มันถึงเวลาหันมามองและแก้ไข

กระทรวงศึกษาธิการจะทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหานี้ได้บ้าง โดยเฉพาะช่วยเด็กโรงเรียนจนๆ ต่างจังหวัด ขอฝากให้คิด.

พิราบ บานเย็น