ท่ามกลางกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หนาหู แต่รัฐบาลออกมาประสานเสียงยืนยันอย่างหนักแน่นตั้งแต่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง, ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ยืนยังไม่มีการปรับ ครม.ในช่วงนี้ พร้อมกับย้ำว่า 314 เสียงของรัฐบาลในเวลานี้เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำเสียงสนับสนุนเข้ามาเติมอีกแล้ว

แต่ก็ไม่สามารถหยุดข่าวลือ ข่าวลวงเขย่าเก้าอี้ได้ แต่สิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือทำไมถึงมีข่าวแบบนี้ออกมา ช่วงตั้งแต่ก่อนมีการอภิปรายโดยไม่มีการลงมติตามมาตรา 152 ของพรรคฝ่ายค้าน และช่วงหลังเสร็จสิ้นการอภิปราย ปฏิเสธไม่ได้ว่าทางหนึ่งอาจเป็นสร้างความหวังให้กับฝ่ายค้านบางพรรคหรือไม่ โดยเฉพาะพรรค “ประชาธิปัตย์” ที่ถูกจับตามาตลอดว่า “ค้านรอร่วม” และช่วงระยะหลังกระแสข่าวร่วมรัฐบาลเริ่มหนาหูขึ้นเรื่อยๆ

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากระยะเวลาและแบ๊กกราวด์ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอดีต ที่มักจะมีการปรับ ครม.หมุนเวียน สับเปลี่ยนเก้าอี้กันเฉลี่ยราว 6 เดือนถึง 1 ปี อยู่เสมอ ในยุค “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ จึงทำให้มีการคาดหมายกันว่าน่าจะถึงเวลาปรับ ครม.กันแล้ว เพราะยังเหลือโควตารัฐมนตรีอีก 2 เก้าอี้ ในส่วนของพรรค “เพื่อไทย” กับ “พลังประชารัฐ” เนื่องจากก่อนหน้านี้คนที่ได้รับการเสนอชื่อมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ซึ่งหากมีการเพิ่มตำแหน่งที่ว่างเข้าไป ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีไปพร้อมกัน

ทว่าจึงเป็นที่น่าจับตากันต่อไปหากมีการปรับ ครม.เกิดขึ้นจริง อาจจะเป็นการปรับใหญ่ เนื่องจากโครงสร้างของพรรคเพื่อไทยมี “เจ้าของพรรค” และ “ลูกเจ้าของพรรค” มีโควตาเก้าอี้ดนตรีรอสับเปลี่ยน แลกเก้าอี้กันสมน้ำสมเนื้อตาม ทั้งนี้บางกระแสยังมองไปไกลถึงขั้นเปลี่ยนตัว “นายกฯ” หรือผู้นำประเทศ ซึ่งในเวลานี้ถูกมองว่าลูกเจ้าของพรรค กำลังรอจังหวะเข้ามารับเก้าอี้นายกฯ ในอีกไม่นานกันเลยทีเดียว

นาทีนี้คงต้องรอความชัดเจนจาก “เจ้าของพรรคเพื่อไทย” ตัวจริงจะตัดสินใจอย่างไร หากจะสรุปมีความเป็นไปได้การปรับครม. เพียงแต่ต้องรอจังหวะอีกสักพัก แต่เหนือสิ่งอื่นใดคงไม่มีการดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเพิ่มหรือมาเสียบ เพราะถือว่าไม่จำเป็น อย่างที่แกนนำรัฐบาลและแกนนำพรรคเพื่อไทยออกมาการันตีเสียงของรัฐบาลที่เพียงพอ ฉะนั้นกระแสข่าวที่ออกมาเป็นแค่ข่าวปล่อยของบางพรรคเท่านั้น !!.

พิราบ บานเย็น