ศึกจักรยานทางไกลสตรีนานาชาติ “วีเมนส์ ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2024” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เส้นทางในจังหวัดพิษณุโลก, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, กำแพงเพชร, พิจิตร, นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ รวมระยะทางทั้งสิ้น 1,242.50 กม. โดยพิธีเปิดการแข่งขันประเภททีมหญิง สเตจที่ 1 เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่หน้าศาลสมเด็จพระนเรศวร พระราชวังจันทน์ ได้รับเกียรติจาก นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.อ.เดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ และคณะ ร่วมในพิธี

สเตจที่ 1 เส้นทางจากหน้าทางเข้าศาลสมเด็จพระนเรศวร พระราชวังจันทน์ จ.พิษณุโลก ผ่าน จ.อุตรดิตถ์ เข้าเส้นชัยที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย รวมระยะทาง 112.70 กม. ปรากฏว่า เหงียน ธิ ทัต นักปั่นสาวทีมชาติเวียดนาม สปรินต์เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก โดยมี “บีซ” จุฑาธิป มณีพันธุ์ นักปั่นสาวทีมอาชีพ “ไทยแลนด์ วีเมนส์ ไซคลิง ทีม” ตามมาเป็นอันดับ 2 และ คลอเดีย มาร์กส์ นักปั่นทีมไบค์วีลส์ จากออสเตรเลีย อันดับ 3 เวลา 2.51.37 ชม.เท่ากัน

ส่วนนักปั่นไทยคนอื่นๆ ที่อันดับดีที่สุด ได้แก่ ศุภักษร นันตะนะ นักปั่นไทยแลนด์ วีเมนส์ ไซคลิง ทีม จบที่ 12 และ กมลรดา ขาวปลอด นักปั่นทีมชาติไทย จบที่ 15 เวลา 2.51.37 ชม. เท่ากัน

รางวัลเจ้าความเร็ว จุดที่ 1 (IS1) เป็นของ จุฑาธิป มณีพันธุ์ และจุดที่ 2 (IS2) กมลรดา ขาวปลอด นอกจากนี้ กมลรดา ยังได้ตำแหน่งนักกีฬาบู๊ยอดเยี่ยมประจำสเตจที่ 1 จากการโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมและมีหัวใจนักสู้เกินร้อย ซึ่ง “เสธ.หมึก” พล.อ.เดชา เหมกระศรี ได้มอบเงินอัดฉีดให้แก่นักปั่นทีมไทยแลนด์คอนติเนนตัล และทีมชาติไทย ที่ได้รับรางวัลต่างๆ รางวัลละ 30,000 บาท

รางวัลผู้นำเวลารวม เป็นของ เหงียน ธิ ทัต นักปั่นทีมชาติเวียดนาม เวลา 2.51.25 ชม. ได้สวม “เสื้อเหลือง” นอกจากนี้รางวัลผู้นำคะแนนรวมเจ้าความเร็ว และรางวัลผู้นำนักกีฬายอดเยี่ยมอาเซียน ก็เป็นของ เหงียน ธิ ทัต เช่นกัน ได้ครอง “เสื้อเขียว” และ “เสื้อม่วง” ไปครบทั้ง 3 ตัว ขณะที่ เวลารวมประเภททีม ประจำสเตจที่ 1 เป็นของทีมชาติมาเลเซีย พร้อมทั้งครองเวลารวมประเภททีม ด้วยเวลารวม 8.34.51 ชม. ส่วนทีมไทยแลนด์ วีเมนส์ ไซคลิง รั้งอันดับ 3 เวลารวม 8.34.51 ชม. เท่ากัน สำหรับผลการแข่งขันทั้งหมดสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมกีฬาจักรยานฯ www.thaicycling.or.th

หลังจบการแข่งขัน พล.อ.เดชา กล่าวว่า นักปั่นไทยก็ทำได้น่าพอใจ เราได้รางวัลเจ้าความเร็ว มาทั้ง 2 จุด แต่มาพลาดตรงช่วงก่อนเข้าเส้นชัยมีนักปั่นทีมอื่นมาขวางทำให้จุฑาธิปเสียจังหวะในการสปรินต์ ทั้งที่เราตั้งทีมเอาไว้แล้ว ดังนั้นสตาฟฟ์โค้ชต้องแก้ไขข้อบกพร่องในจุดนี้ ส่วนทีมนักปั่นดาวรุ่ง ทั้งทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ และทีม Prime19 ก็ทำผลงานได้ดี ขณะที่ กมลรดา มีผลงานยอดเยี่ยม กระชากหนีออกมาตลอด และได้เจ้าความเร็วจุดที่ 2 แต่ยังเหลือการแข่งขันอีก 2 สเตจ ยังมีเวลาปรับตัว เราต้องสู้ต่อไป เพราะเวลามันไม่ห่างกันมากนัก

ขณะที่ “บีซ” จุฑาธิป กล่าวว่า เกมวันนี้ดุเดือดมาก เราตั้งใจเอา IS ก็ทำได้สำเร็จทั้ง 2 จุด แต่ช่วงก่อนเข้าเส้นชัยด้วยสภาพอากาศที่ร้อน และทีมเวียดนาม ผนึกกำลังกันโจมตีเรา ส่วนนักปั่นไทยหน้าใหม่ก็ยังไม่เข้าใจเกมเท่าใดนัก ช่วง 500 เมตรสุดท้ายเห็นทีมออสเตรเลียหนีออกไปก่อนแล้ว มีทีมเวียดนามตาม ส่วนตนต้องเร่งเครื่องเต็มที่แล้ว ซึ่งทำได้ดีที่สุดในอันดับ 2 เพราะขามันหมดแรงจริงๆ ส่วนสเตจที่ 2 เส้นทางไม่โหดแต่สภาพอากาศร้อนจัดมากทำให้ร่างกายมันเสียกำลังเยอะ แต่ก็คุยกับเพื่อนร่วมทีมว่าจะเอาแชมป์มาให้ได้ จะขอเอาเสื้อเหลืองมาฝากพี่น้องชาวไทยให้ได้.