พล.อ.สิทธิชัย มากกุญชร ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำ ประธาน กสทช. เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ในวาระแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง และบริการเพื่อสังคม ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2565) (แผนยูโซ่ 3) ที่ประชุมได้ปรับกรอบงบประมาณลงเหลือ 5,862.15 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 6,600 ล้านบาท แบ่งเป็นเพื่อสาธารณสุขให้กับ รพ.สต. งบประมาณ 3,991.12 ล้านบาท และเพื่อประโยชน์สาธารณะให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนในพื้นที่ตกหล่น งบประมาณ 1,371.85 ล้านบาท และเพื่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนใต้ งบประมาณ 499.18 ล้านบาท แต่ที่ประชุมยังไม่มีการลงมติเห็นชอบ แต่ให้ไปเปรียบเทียบราคาจากการซื้อเป็นการเช่าแทน จะประหยัดงบ หรือเพิ่มพื้นที่สนับสนุน รพ.สต. ได้เพิ่มมากขึ้นหรือไม่
ส่วนร่างประกาศ กสทช. เรื่อง แผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ฉบับ 4 (พ.ศ. 2566-2568) (ที่แก้ไขเพิ่มเติม) หรือ แผนยูโซ่ 4 ปี 66-68 ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการแล้ว แต่ให้ไปจัดประชาพิจารณ์เพิ่มเติม ในประเด็นปรับเปลี่ยนการสนับสนุนเฉพาะโครงการโทรคมนาคมเพียงอย่างเดียว โดยมีกรอบวงเงินค่าใช้จ่าย 24,000 ล้านบาท ในระยะ 3 ปี หรือปีละ 8,000 ล้านบาท หลังจากนั้นนำกลับมาให้บอร์ดพิจารณาอีกครั้ง
ส่วนเรื่องที่ 3 คือ ระบบการแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (เซลล์ บรอดแคสต์) นั้น บอร์ดทุกท่านเห็นชอบในหลักการว่า จะต้องทำ แต่ควรรอให้มีการนำเสนอเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน ว่าเห็นชอบกรอบวงเงินเท่าใด โดยเฉพาะในระบบของหน่วยงานภาครัฐที่ทางกระทรวงดีอี ของบประมาณสนับสนุนมา 434 ล้านบาท และวงเงินของผู้ให้บริการมือถือ (โอเปอเรเตอร์) จำนวน 1,031 ล้านบาท โดยให้หักเงินจากที่ต้องส่งกองทุนยูโซ่ รวมทั้งโครงการประมาณ 1,465 ล้านบาท
พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่า แผนยูโซ่ 3 ต้องไปดูการสนับสนุน รพ.สต. เพื่อเปรียบเทียบว่า เช่าหรือซื้อจะคุ้มค่ากว่ากัน โดยสำนักงาน กสทช. เสนอมาเป็นการซื้อทั้งหมด แต่มองว่าปัจจุบันการใช้งานอินเทอร์เน็ต จะใช้วีธีเช่าทั้งหมดแล้ว ซึ่งหากเช่าถูกกว่า เพื่อจะได้นำงบที่เหลือมาขยายพื้นที่สนับสนุนเพิ่มได้ ส่วนเรื่องแผนยูโซ่ 4 ควรจะสนับสนุนเฉพาะโครงการที่เกี่ยวกับโทรคมนาคม ไม่ใช่การการพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ ขณะที่เรื่อง เซลล์ บรอดแคสต์ นั้น ควรจะให้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ก่อน โดยเฉพาะการสนับสนุนงบในส่วนของการพัฒนาระบบของภาครัฐ เพราะอาจจะซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ได้รับการจัดสรรไปก่อนแล้ว