เมื่อวันที่ 10 เม.ย. พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น หรืองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 618,795,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างเหมาบริการนักการภารโรง จำนวน 13,751 อัตรา ระยะเวลา 5 เดือน จำนวนเงิน 9,000 บาทต่อเดือน เพื่อปฏิบัติงานในเดือนพฤษภาคม-กันยายน 2567 เพื่อให้มีนักการภารโรงครบทุกโรงเรียน ซึ่งในส่วนของปี 2568 ครม. ได้อนุมัติงบประมาณปี 2568 ในลักษณะผูกพันต่อเนื่อง 3 ปี พ.ศ. 2568-2570 จำนวน 25,370 อัตรา รวมเป็นเงินกว่า 2,739,960,000 บาท ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
“ศธ. ให้ความสำคัญและตระหนักถึงภาระหน้าที่ของครู จึงได้เสนอของบประมาณเพื่อจ้างนักการภารโรงมาดูแลสภาพแวดล้อม ระบบสาธารณูปโภค และทรัพย์สินของทางราชการ รวมถึงดูแลความปลอดภัยของครูและนักเรียน ซึ่งสอดคล้องกับมติ ครม. ที่ได้เห็นชอบให้ยกเลิกครูเวร โดยหลังจากนี้ทาง สพฐ. จะได้แจ้งบัญชีจัดสรรนักการภารโรงไปยังเขตพื้นที่การศึกษาก่อนจัดสรรต่อไปให้โรงเรียน ซึ่งคาดว่าโรงเรียนจะสามารถสรรหาและทำสัญญาจ้างได้ภายใน 30 เม.ย. นี้ ทั้งนี้ นักการภารโรงได้กำชับให้การจ้างงานดังกล่าว โรงเรียนจะต้องกำหนดคุณสมบัติว่าจะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัย หรือผ่านการเกณฑ์ทหารมาแล้วจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ เนื่องจากจะต้องมาดูแลความปลอดภัยในโรงเรียน ดังนั้นโจทย์ของการจ้างนักการภารโรงจะต้องมีฝีมือด้านการช่างและทักษะรอบด้าน ซึ่งนักการภารโรงจะต้องเปรียบเสมือนแก้วสารพัดนึก ที่จะมาช่วยครูลดภาระงานด้านต่างๆ อีกทั้งนักการภารโรงจะต้องมีความยึดมั่นในระบอบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วย” รมว.ศธ. กล่าว