เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดกรณีเพจเฟซบุ๊ก “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6” โพสต์คลิปภาพเหตุการณ์ตะลุมบอนบนเวทีมวย พร้อมข้อความระบุว่า “ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง..ผลการตัดสินมันขัดกับสายตาอย่างไร..น่ายื่นเรื่องตรวจสอบตามขั้นตอน คนนอกมันจะมองเป็นภาพลบ กรรมการตัดสินไม่มีการเอกฉันท์ ก็จะเจอประมาณนี้นะครับ -ผมอยู่ในเหตุการณ์ แต่ผมงง ต่อยกรรมการบนเวทีทำไม คะแนนเสมอแทนที่จะต่อยกรรมการไห้คะแนน / บ้านไหนครับ / บ้านแจนแลน วัดบ้านเพ็ก -ถ้าอยู่ในสนามจะรู้ว่ากรรมการสมควรโดนจริงๆ มวยสารภาพ เขาจ่ายเงินกันหมดแล้ว มันชูเสมอ รักษาผลประโยชน์พรรคพวกแบบหน้าด้านๆ / คู่ในคลิปนี่แหละครับ มวยย้อนยุคภูธร ปัญหาเกิดจากกรรมการล้วนๆ ทุกคนในสนามพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสมควรโดน –ก็มวยชนะ กรรมการออกเสมอ น้อ คนเล่น+อารมณ์ความรู้สึก เรื่องธรรมดา เสื่อมหมดครับแบบนี้! ต่อไปเขาจะออกกฎห้ามมีพนัน นักมวยก็จะชกเอาแต่ค่าตัว จืดชืดเอานะครับ! ขอให้จบสวยๆครับ คุณคลิปข่าว”

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าเหิดเกิดพื้นที่วัดบ้านเพ็ก ต.หนองเชียงทูน อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ จึงลงพื้นที่ตรวจสอบพบกับ นายทองเหลา ทัดแก้ว ผู้ใหญ่บ้านเพ็ก หมู่ 13 เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการวัด ร่วมกับผู้นำชุมชนหมู่บ้าน ร่วมกันกิจกรรมมวยไทยการกุศล เพื่อสมทบทุนสร้างเมรุวัดบ้านเพ็ก โดยมีมวยทั้งหมด 21 คู่ ซึ่งคู่ที่เกิดปัญหาตามคลิปเป็นคู่ที่ 15 ชกกันในช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. กรรมการตัดสินไม่ยุติธรรม ค้านสายตาของผู้ชมผู้เชียร์ กองเชียร์ของทั้งสองฝ่ายก็ไม่ยอมกัน จึงเกิดการทะเลาะวิวาทกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น

โดยผลการตัดสินในวันเกิดเหตุทางกรรมการได้ยกมือให้ทั้งคู่เสมอ ซึ่งทางกองเชียร์ของฝ่ายมุมแดง ดูด้วยตาเปล่าแล้วยังไงก็เป็นฝ่ายชนะ แต่กรรมการกลับยกมือให้ทั้งสองฝ่ายเสมอ จึงขัดสายตาผู้ชม และเกิดการไม่พอใจ ยกพวกขึ้นไปบนเวที จึงเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น โดยอ้างว่าที่ออกมาโวยวายเพราะการตัดสินของกรรมการไม่สมศักดิ์ศรี จึงขว้างปาเก้าอี้ขึ้นไปบนเวที ตนจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุ และมีการตกลงเจรจาเคลียร์ปัญหากัน และได้แยกย้ายกันกลับบ้านไป จากนั้นตนจึงประกาศยุติการชกมวยในทันที และไม่อยากให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

นายสมนึก สังข์ขาว ประธานชมรมมวยไทยสมัครเล่นจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ในฐานะที่อยู่ในวงการมวยมาหลายสิบปี ปัญหาดังกล่าวเกิดจาก 2 ประการ ประการแรก เกิดจากการไม่มาตรฐานของกรรมการผู้ตัดสิน ซึ่งผู้ที่จะเป็นกรรมการตัดสินได้ จะต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ มีความรู้ ความสามารถ และต้องมีใบรับรองประกอบวิชาชีพ ซึ่งต้องไปขอรับจากสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัด และคณะกรรมการทุกคนก็จะต้องมีใบรับรองทุกคน ถึงจะเรียกได้ว่ามาตรฐาน ซึ่งหากกรรมการที่ได้รับการอบรมมีใบอนุญาตรับรองครบถ้วนถูกต้องตามมาตรฐานแล้ว ตนเชื่อว่าการตัดสินจะผิดพลาดน้อยมาก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าผู้ชมผู้เชียร์ ทุกคนก็จะรู้กันดีว่าฝ่ายไหนชนะ เพราะเซียนมวยจะดูออก แต่พอถึงเวลาตัดสิน กรรมการบนเวที กลับยกมือให้ทั้งคู่เสมอกัน จึงขัดสายตาผู้ชมผู้เชียร์เป็นอย่างมาก

อีกประการหนึ่งคือในเรื่องของการพนัน หรือกองเชียร์ที่มีการลงพนันฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไว้ เมื่อผลตัดสินไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ ก็อาจเกิดการไม่พอใจกันเกิดขึ้น ซึ่งหากพบว่ากรรมการมีมาตรฐานแล้ว ก็อยากให้ทุกคนยอมรับตามกติกา รู้แพ้ รู้ชนะ อย่างไรก็ตามตนก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.