เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 17 เม.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4, นายวิทยา เนติธรรม โฆษกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และคุณอัคบา อัคตา (Akbar Akhtar) Head of Investigation – APAC (Binance) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว “The Purge” ปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรข้ามโลก จับต่างชาติตัวการแก๊ง Hybrid Scam ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 250 ล้านบาท

สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนในลักษณะ Hybrid Scam (ไฮบริด สแกม) โดยคนร้ายใช้วิธีการชักชวนผู้เสียหายให้ลงทุนสกุลเงินดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มปลอม จากนั้นให้ผู้เสียหายซื้อเงินสกุล USDT และโอนไปตามเลขกระเป๋าเงินดิจิทัลตามที่คนร้ายระบุ ก่อนที่จะถูกโอนเข้าบัญชีของแพลตฟอร์มเทรดเงินดิจิทัล ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนจนได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงไปสู่คนร้ายตัวจริงที่ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลดังกล่าว คือ นายซู  ชาวสัญชาติจีนกับพวก และยังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงนอมินีรูปแบบนิติบุคคลสัญชาติไทยที่เชื่อว่าจดทะเบียนเพื่ออำพรางการทำธุรกรรม โดยการเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินต่างๆ จนนำมาสู่ปฏิบัติการ “Trust No One” EP.1-5 มีการตรวจค้นกว่า 72 จุดทั่วประเทศ จากผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติจีน 3 ราย ตรวจยึดอายัดอสังหาริมทรัพย์คอนโดฯ หมู่บ้านหรู รถยนต์ สินค้าแบรนด์เนม เงินสดและของกลางอื่นอีกหลายรายการ รวมมูลค่ารวมกว่า 1,900 ล้านบาท ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด ภายหลังสำนักงาน ปปง. ได้มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว โดยยึดทรัพย์สินไว้ 15 รายการ ราคาประมาณ 600 ล้านบาท และได้ลงประกาศให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์คืนจากกรณีดังกล่าว

ต่อมา บช.สอท. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง จนพบว่ามีผู้เสียหายในพื้นที่ สน.ดินแดง ถูกคนร้ายซึ่งมีแผนพฤติกรรมเดียวกันในการก่อเหตุจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและทำการตรวจสอบ กระทั่งพบว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันและมีเส้นบรรจบกัน ก่อนขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเอาไว้แล้ว จำนวน 26 คน และขอหมายค้นเพื่อเข้าตรวจค้นเป้าหมายสำคัญ จำนวน 4 จุด นำมาสู่ปฏิบัติการ The Purge ปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรข้ามโลก สามารถจับผู้ต้องหารายสำคัญได้ จำนวน 4 ราย คือ นายวศิษฎ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้ทำหน้าที่ฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยจับกุมได้ที่บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ, น.ส.สิรภัทร (สงวนนามสกุล) อายุ 25  ปี เป็นเจ้าของบัญชี โดยจับกุมได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สอด จ.ตาก, นายตงเจี้ยน สัญชาติ จีน อายุ 45 ปี ผู้รับผลประโยชน์  โดยจับกุมได้ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่, นายเว่ย คิง เคก สัญชาติ สิงคโปร์ อายุ 41 ปี ผู้ทำหน้าที่จ้างวานเปิดบัญชีนิติบุคคลและบริหารจัดการทรัพย์สิน โดยจับกุมได้ที่ลานจอดรถแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนอันเป็นปกติธุระโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ และ ร่วมกันฟอกเงินและสมคบฟอกเงิน”

โดยเจ้าหน้าที่ยังได้ทำการอายัดบัญชีเงินฝาก รวมถึงตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินและบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ต้องหาและบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องในคดีรวมมูลค่าประมาณ 252.5 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในจำนวนนี้ตำรวจพบเบาะแสสำคัญว่าจะมีการลำเลียงขนย้ายเงินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหายส่งข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้นำกำลังตั้งจุดตรวจ จนพบรถเก๋งโตโยต้า สีเทา ทะเบียน บธ 6910 ตาก ขับเข้ามาที่ด่านตรวจห้วยละอุ ต.ด่านแม่ละเมา อ.แม่สอด จ.ตาก จึงได้ทำการตรวจสอบก็พบ นายสุรัตน์ นามบุญ และนายกันต์นภนต์ คำแดง อยู่ในรถดังกล่าว พร้อมถุงผ้า 5 ใบ ภายในมีเงินสดรวม 80 ล้านบาท จึงได้คุมตัวไปสอบสวน โดยทั้งสองให้การว่าได้รับการว่าจ้างให้ขนเงินดังกล่าวจาก อ.บางประอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนที่จะนำเงินดังกล่าวออกนอกประเทศทางช่องทางธรรมชาติ เพื่อไปยังเมียวดี ซึ่งได้ค่าจ้าง 5 พันบาท จึงได้ทำการตรวจยึดพร้อมประสาน ปปง.ตามขั้นตอนกฎหมาย  อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดเชื่อว่าเครือข่ายดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนสูงถึง 30,000 ล้านบาทต่อปี โดยจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป

นายวิทยา กล่าวว่า ขั้นตอนการเฉลี่ยทรัพย์คืน จะให้โอกาสเจ้าของทรัพย์เข้ามาชี้แจงที่มาของทรัพย์ ภายใน 90 วัน ซึ่งหากชี้แจงที่มาของเงินได้ก็จะต้องคืนเจ้าของทรัพย์ แต่หากทรัพย์มาจากการกระทำความผิด ก็จะนำไปคืนให้กับผู้เสียหายที่ถูกหลอกจากขบวนการนี้ ซึ่งผู้เสียหายที่ประสงค์ขอทรัพย์คืนจะต้องทำหนังสือพร้อมหลักฐานมายัง สำนักงาน ปปง. ซึ่งจะมีการพิจารณาตรวจสอบอีก 90 วัน ก่อนจะยื่นเรื่องไปยังศาลแพ่งเพื่อตัดสินพิจารณารายชื่อ หากทรัพย์ได้มากกว่าจำนวนผู้เสียหายเสียก็สามารถคืนได้ทั้งหมด แต่หากยึดมาได้น้อยกว่าก็จะเฉลี่ยคืน

พล.ต.ท.วรวัฒน์ เผยว่า ตำรวจไซเบอร์ขยายผลขบวนการดังกล่าว สามารถยึดทรัพย์ได้กว่า 2 พันล้านบาท และที่ผ่านมาหลังการตรวจสอบทรัพย์ในลอตแรก มีคำสั่งให้เฉลี่ยคืนผู้เสียหาย จำนวน 600 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในกระบวนการขั้นตอนของศาล โดยผู้เสียหายที่ขอทรัพย์คืนจะใช้เวลากว่า 1  ปี