สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกีโต ประเทศเอกวาดอร์ เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ว่า ผลอย่างไม่เป็นทางการของการลงประชามติโดยชาวเอกวาดอร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการยกระดับปราบปรามอาชญากรรมในประเทศ รวมถึงการเตรียมมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนในคดียาเสพติดกับสหรัฐ ปรากฏว่า 65% เห็นด้วย และ 25% ไม่เห็นด้วย


ขณะที่จำนวนผู้มีสิทธิออกเสียง ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่ข้อมูลเบื้องต้นจากคณะกรรมการการเลือกตั้งระบุว่า ผู้มีสิทธิออกเสียงอยู่ที่เกือบ 13.6 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งประเทศราว 17.7 ล้านคน

ประธานาธิบดีดาเนียล โนโบอา ผู้นำเอกวาดอร์ ใช้สิทธิออกเสียงประชามติ ที่คูหาแห่งหนึ่ง ในเมืองโอลอน ของจังหวัดซันตาเอเลนา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเอกวาดอร์


หากเอกวาดอร์มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามการลงประชามติของประชาชน จะเป็นประเทศที่สามในภูมิภาคลาตินอเมริกา ที่จะมีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐ ต่อจากโคลอมเบีย และเม็กซิโก


ทั้งนี้ เอกวาดอร์ซึ่งเป็นประเทศที่เงียบสงบมานาน กลับเผชิญกับอัตราการเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้นอย่างมากในระยะหลัง โดยในช่วงสามปีที่ผ่านมา ความรุนแรงระหว่างแก๊งค้ายาเสพติดทั้งในเอกวาดอร์ และจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงโคอลอมเบียและเม็กซิโก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 460 ราย


อนึ่ง ประธานาธิบดีดาเนียล โนโบอา ผู้นำเอกวาดอร์ ประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉินจากความขัดแย้งทางอาวุธ” เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อต่อสู้กับการลุกฮือของแก๊งอาชญากรรม จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 20 ราย แม้มีการยกระดับมาตรการด้านความมั่นคงทั่วประเทศ ทว่าสถานการณ์ยังคงไม่ดีขึ้น โดยมีนายกเทศมนตรีถูกสังหารสองราย ภายในระยะเวลาเพียงสัปดาห์เดียว.

เครดิตภาพ : AFP