นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ว่า ที่ประชุมได้วางแนวทางในการกำหนดมาตรการ เงื่อนไข เปิดบัญชีธนาคารพาณิชย์ใหม่ เพื่อป้องกันการนำบัญชีธนาคารไปกระทำความผิด หรือ บัญชีม้า ของมิจฉาชีพ ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยคาดว่าจะมีประกาศออก มาบังคับใช้ในต้นเดือน มิ.ย.นี้

“มาตรการที่จะออกมาจะมีการตรวจสอบเรื่องการเปิดบัญชีให้เข้มมากขึ้น สำหรับคนที่มีบัญชีมากๆ อยู่แล้ว หากมาเปิดจะต้องแจ้งธนาคารและมีหลักฐานว่าจะเปิดบัญชีเพื่อไปทำธุรกิจอะไร  ซึ่งปัจจุบันบางธนาคารได้มีการดำเนินการแล้ว นอกจากนี้ ปปง. จะมีการประสานรายชื่อบัญชีม้า ที่ถูกขึ้นแบล็กลิสต์ให้ธนาคารด้วย ทั้งนี้หากพิสูจน์ได้ว่า ธนาคารมีการหละหลวมในการปล่อยให้เปิดบัญชีม้าแล้วนำไปกระทำความผิด ธนาคารก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย”

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาบัญชีม้า เร่งอายัดและตัดตอนการโอนเงินนั้น ในช่วงที่ผ่านมา ธปท.และสถาบันการเงิน ได้ระงับไปแล้ว 3 แสนบัญชี ส่วน ศูนย์เอโอซี 1441 ปิดบัญชีไปแล้ว 112,699 บัญชี และ ปปง. ปิดบัญชีม้าไปแล้ว จำนวน 318,298 บัญชี  ร่วมแล้วมากกว่า 7 แสนบัญชี  ส่วนการปราบปรามจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ 30 วัน (1-30 เม.ย.) ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี นั้น ได้จับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องได้ 6,458 คน จาก ม.ค.-มี.ค. 67 จับได้เฉลี่ย 1,000 คน/เดือน  ด้านมูลค่าความเสียหายของคดีอาชญากรรมออนไลน์ เดือน เม.ย. เฉลี่ย 110 ล้านบาท/วัน  ลดลงจาก มี.ค. ที่เฉลี่ย 149 ล้านบาท/วัน

ด้าน พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ  รองเลขาฯ ปปง. กล่าวว่า หลังการกวาดล้างบัญชีม้าของดีอี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ปัจจุบันค่าจ้างในการเปิดบัญชีม้าพุ่งไปถึงบัญชีละหมื่นบาท จากเดิมมีราคาแค่ 500 บาท โดยปัจจุบันคาดว่าจะมีบัญชีม้าในระบบมากกว่า 1 ล้านบัญชี จากเดิมที่คาดว่าจะมีเพียง 6 แสนบัญชีเท่านั้น ซึ่งการแก้ไขปัญหาบัญชีม้าวิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันในการเข้าไปเปิดบัญชีก่อน คนที่มีบัญชีจำนวนมาก หากชี้แจงกับธนาคารก็สามารถเปิดได้ แต่ทั้งนี้คงไม่ได้มีการออกกฎมาบังคับว่าแต่ละคนห้ามเปิดเกินกี่บัญชี เพราะจะเป็นการจำกัดสิทธิเกินไป

นายประเสริฐ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับผลการปราบปรามปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ใน 30 วัน หลังบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างแข็งขันเป็นผลงานที่เด่นชัด แต่ส่วนตัวยังไม่พอใจ แม้ตัวเลขความเสียหายจะมีมูลค่าลดลง แต่จำนวนผู้ได้รับความเสียหายยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องลดลงให้ได้มากกว่า 50% จากปัจจุบันลดลง 20% โดยแนวทางและมาตรการที่จะทำต่อไปคือ  ปราบปรามจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ ทั้งในและต่างประเทศ ป้องกันการเปิดบัญชีม้า ซิมม้า และกวาดล้างจับกุมผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงแก้ปัญหาหลอกลวง ซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์ ด้วยการจับมือกับ สคบ.ออกประกาศบังคับเรื่องเก็บเงินปลายทาง ไม่โอนให้ผู้ขายสินค้าในทันที ต้องให้ผู้ซื้อมีความพอใจในสินค้าที่ได้รับก่อน

นอกจากนี้ในส่วนของเงินที่อายัดได้จากมิจฉาชีพ จะเร่งรัดหาวิธีคืนเงินและเยียวยาให้ผู้เสียหาย  การเพิ่มความรับผิดชอบของผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม พร้อมการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เรื่องหลอกลงทุน การหลอกหารายได้ และหลอกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสุดท้ายคือการเร่งรัดการแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่างๆ  เช่น กระทรวงดีอี และ ก.ล.ต. เป็นต้น