สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ว่านักโบราณคดีเปิดเผยใบหน้าของหญิงยุคหินอายุ 75,000 ปีที่ได้รับการบูรณะใหม่ หลังมีการสันนิษฐานว่า มนุษย์สายพันธุ์นี้ต่างโหดร้ายและไม่มีอารยะ
‘ชานิดาร์ ซี’ มาจากชื่อของถ้ำในดินแดนเคอร์ดิสถานของอิรัก สถานที่ซึ่งนักสำรวจพบกะโหลกศีรษะของเธอ เมื่อปี 2561 โดยในการค้นพบครั้งล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปสำรวจความลึกลับ ของหญิงยุคหินวัย 40 กว่าปี ผู้นอนอยู่ใต้ป้ายหินแนวตั้งขนาดใหญ่
มีการสันนิษฐานว่าโครงกระดูกช่วงล่างของเธอถูกขุดขึ้นมา เมื่อปี 2503 ระหว่างการขุดค้นที่แหวกแนวของ นายราล์ฟ โซเลคกี นักโบราณคดีชาวอเมริกัน ผู้ค้นพบซากของมนุษย์ยุคหินอย่างน้อย 10 ราย
Face of 75,000-year-old Neanderthal woman revealed https://t.co/NB9DihQxqM
— BBC News (World) (@BBCWorld) May 2, 2024
การค้นพบเหล่าร่างมนุษย์โบราณที่รายล้อมไปด้วยละอองเกสรดอกไม้ ส่งผลให้เกิดการถกเถียงว่า นี่อาจเป็นหลักฐานของพิธีกรรมงานศพ โดยมีผู้เสียชีวิตนอนอยู่บนเตียงดอกไม้
ความยากลำบากเนื่องจากเหตุผลการเมือง ส่งผลให้กลุ่มนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล จอห์น มัวร์ส ใช้เวลาประมาณ 5 ทศวรรษ ในการขออนุญาตเข้าไปสำรวจในเทือกเขาซากรอส ทางตอนเหนือของอิรัก
มนุษย์ยุคหินกลุ่มสุดท้ายตายอย่างลึกลับเมื่อประมาณ 40,000 ปีก่อน เพียงไม่กี่พันปีหลังจากที่มนุษย์เกิดขึ้นมาบนโลก ขณะที่กะโหลกศีรษะของชานิดาร์ ซี มนุษย์ยุคหินที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุด เท่าที่เคยค้นพบในศตวรรษนี้ ถูกทำให้แบนจนหนาเพียง 2 เซนติเมตร นักโบราณคดีคาดว่า อาจเกิดจากหินซึ่งถล่มลงมาทับร่างของเธอ หลังเสียชีวิตได้ไม่นาน
ศาสตราจารย์แกรม บาร์เกอร์ จากสถาบันแมคโดนัลด์เพื่อการวิจัยทางโบราณคดี แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ผู้นำทีมขุดค้นถ้ำชานิดาร์ อธิบายว่า ทีมนักโบราณคดี “ไม่เคยคาดหวัง” ว่าจะได้เจอกับมนุษย์ที่เก่าแก่ไปมากกว่านี้ “เราต้องการสืบหาวันตายของมนุษย์โบราณ เราลงพื้นที่เพื่อสืบหาสาเหตุการตายที่ยังเป็นปริศนา โดยเราค้นพบชิ้นส่วนเหล่านี้หลังจากทำการค้นหา” เธออธิบาย
ชานิดาร์ ซี เป็นซากมนุษย์โบราณลำดับที่ 5 ที่ถูกพบ พร้อมกับร่างอื่น ๆ ที่ถูกฝังอยู่ด้านหลังหินใจกลางถ้ำอย่างน้อยหลายร้อยปี นักโบราณคดีเชื่อว่าหินเหล่านี้ถูกใช้เพื่อระบุตัวตน และให้คนอื่น ๆ ที่เดินทางไปมา สามารถย้อนกลับไปยังจุดเดิมเพื่อฝังศพตัวเองได้
ในขณะเดียวกัน ผลการวิจัยล่าสุดโดยนักสำรวจจากทีมของ ศาสตราจารย์คริส ฮันต์ จากมหาวิทยาลัยจอห์น มัวร์ส ชี้ให้เห็นว่า ละอองเกสรดอกไม้ที่ก่อให้เกิดทฤษฎี “การฝังศพดอกไม้” ที่เป็นข้อถกเถียงกัน อาจมาจากผึ้งที่ขุดหลุมลงไปในพื้นถ้ำ
อย่างไรก็ดี ศาสตราจารย์ฮันต์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า มีค้นพบหลักฐานอื่น ๆ อาทิ ซากของมนุษย์โบราณที่เป็นอัมพาตบางส่วน ซึ่งนายราล์ฟ โซเลคกี ค้นพบ มีแนวโน้มว่ามนุษย์สายพันธุ์นี้มีความเห็นอกเห็นใจมากกว่าที่นักโบราณคดีเคยคาดไว้ “การค้นพบครั้งใหญ่ของนายราล์ฟขณะทำการสำรวจ ‘ชานิดาร์ 1’ ผู้มีแขนที่ลีบ โรคข้ออักเสบ และอาการหูหนวก การที่เขาต้องได้รับการดูแล บ่งบอกว่าคนเหล่านี้อาจมีความเห็นอกเห็นใจ”
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า การวางตำแหน่งของร่างไว้ในจุดเดียวกัน, ตำแหน่งเดียวกัน และหันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน บ่งบอกถึง “ประเพณี” และ “การถ่ายทอดความรู้ระหว่างรุ่น”
“มันเป็นพฤติกรรมที่มีความหมาย ที่ไม่อาจพบเจอได้ในตำราเกี่ยวกับมนุษย์ยุคหิน ที่กล่าวว่าชีวิตของเขาน่ารังเกียจ, โหดเหี้ยม และแสนสั้น” เขากล่าวเสริม
![](https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2024/05/AFP__20240501__34QM7VE__v1__HighRes__BritainIriaqArchaeologyNeanderthal.jpg)
ดร.เอ็มมา โพเมอรอย นักมานุษยวิทยาบรรพชีวินวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ผู้ค้นพบชานิดาร์ ซี กล่าวว่า การค้นพบกะโหลกศีรษะและร่างกายส่วนบนของเธอทั้ง “น่าตื่นเต้น” และ “น่ากลัว”
ทั้งนี้ โครงกระดูกและหลักฐานทางโบราณคดีโดยรอบ ได้ถูกเสริมความแข็งแรง ด้วยสารที่มีลักษณะคล้ายกาว ก่อนที่จะถูกนำออกไปโดยการห่อด้วยฟอยล์ขนาดเล็กหลายสิบบล็อก
จากนั้น หัวหน้านักอนุรักษ์ได้ทำการประกอบชิ้นส่วนกะโหลกศีรษะมากกว่า 200 ชิ้นเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกของการสร้างใบหน้าสำหรับสารคดีในเว็บไซต์เน็ตฟลิกซ์ เรื่อง “ความลับของนีแอนเดอร์ทาล” ที่เพิ่งออกฉาย
ดร.โพเมอรอย กล่าวว่า งานนี้เป็นเหมือน “จิกซอว์สามมิติที่มีเดิมพันสูง” โดยเฉพาะชิ้นส่วนที่มีความละเอียดอย่างยิ่งคล้ายคลึงกับ “บิสกิตที่จุ่มในชา”
กะโหลกที่สร้างขึ้นใหม่ถูกพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ เพื่อให้นายเอดรี และนายอัลฟอนส์ เคนนิส ฝาแฝดศิลปินบรรพชีวินวิทยาชาวเนเธอร์แลนด์ สร้างใบหน้าขึ้นมาใหม่ โดยการใช้ชั้นของกล้ามเนื้อและผิวหนัง ซึ่งประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะสำหรับสารคดี ที่ผลิตโดย บีบีซี สตูดิโอส์ แผนกวิทยาศาสตร์
ดร.โพเมอรอย กล่าวว่า กะโหลกศีรษะของมนุษย์ยุคหินดูแตกต่างจากมนุษย์เป็นอย่างมาก เพราะ “สันคิ้วขนาดใหญ่และไม่มีคาง” อย่างไรก็ดี ใบหน้าที่ถูกสร้างขึ้นใหม่แสดงให้เห็นว่า ความแตกต่างเหล่านั้น “ไม่ได้ดูเด่นชัดในความเป็นจริง”
นอกจากนั้น เธอเน้นย้ำถึงการผสมพันธุ์ระหว่างมนุษย์ยุคหินและมนุษย์ ซึ่งส่งผลให้มนุษย์ในยุคปัจจุบันแทบทุกคนมีดีเอ็นเอของมนุษย์ยุคหิน.
เครดิตภาพ : AFP