ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ได้มีกิจกรรม Forum : The lgniting Power of Well-being in Education        (การจุดประกายเพื่อสุขภาวะที่ดีในสถานศึกษา) ภายใต้โครงการยกระดับสถานศึกษาสู่ต้นแบบการสร้างสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืนโดย บริษัท พรอสเพอร์ เวล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กรมกิจการเด็กและเยาวชน ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์ จัดขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้บริหารสถานศึกษา ครู บุคลากรทางการศึกษา ผ่านการจัดเวทีเผยแพร่ข้อมูล ความรู้ แนวโน้มกระแสนิยม การเชื่อมโยงเครือข่ายการนำเสนอทางเลือกในกิจกรรมส่งเสริมสุขภาวะที่ดี (Well-being) แก่เด็กและเยาวชนไทย ด้านวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญทั้งด้านพัฒนาการ การเรียนรู้ การศึกษา สังคม สมรรถนะกำลังคนและเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้ โดยมีนายอุเทน ชนะกุล รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เป็นประธาน พร้อมด้วย น.ส.จรวยพร อยู่ประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ความยั่งยืน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย นายอภิชัย รุ่งเรืองกุล บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาและรองบรรณาธิการนสพ.เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์  นายหฤษฎ์ เรืองหฤษฎ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลยุทธ์การเติบโตขององค์กร บริษัท พรอสเพอร์ เวล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู เข้าร่วมกว่า 100 คน อาคาร ท.103 ชั้น 3 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ ถนนจรัญสนิทวงศ์ ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี

นายอุเทน กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้จะสร้างความตระหนักรู้ให้ครูและผู้บริหารสถานศึกษา จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญทั้งด้านการพัฒนาการเรียนรู้ ด้านการศึกษา สังคม เศรษฐกิจของประเทศในอนาคต  บริษัท พรอสเพอร์ เวล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีความมุ่งมั่นในการยกระดับเด็กและเยาวชนไทย ให้มีสุขภาวะที่ดี โดยได้ริเริ่มโครงการสร้างสรรค์ทั้งภายในและต่างประเทศ มาอย่างต่อเนื่องสอดรับกับนโยบายของประเทศเรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน  Good health Well being ได้ถูกกำหนดให้อยู่ใน17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อมุ่งให้มนุษย์มีสุขภาวะที่สมบูรณ์ มีความเป็นอยู่ที่ดี เชื่อมโยงสุขภาพ กาย จิต สังคม และปัญญา และอาจมีการเชื่อมโยง Well being ไปออกแบบกิจกรรมทางกายในรูปแบบต่างๆให้มีความแพร่หลาย ย่อมทำให้กระตุ้นความอยากเล่น อยากเรียนรู้ของเด็กๆได้มากขึ้น ทำให้เด็กสามารถพัฒนาด้านต่างๆ สิ่งเหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องลงทุนกับเด็กผ่านการศึกษา ผ่านระบบสาธารณสุข ผ่านการคุ้มครองทางสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กทุกคนจะได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพ

ดร.ณัฐวิคม พันธุวงศ์ภักดี รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move)  กล่าวในหัวข้อ การพัฒนาเด็กกับความท้าทายสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ( Childhood Development :A New Challenge to Achieve the SDGs) ว่า เป้าหมายการพัฒนา 17 ข้อของ SDGs คือจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เน้นการพัฒนาโดยท้องถิ่นและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี เด็กคือกลไกสำคัญมีความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาก ซึ่งเด็กที่มีการศึกษาที่ดีช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ล่าสุดรัฐบาลประกาศการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนต่างชาติ ทำให้หลายประเทศให้ความสำคัญต่อการพัฒนานวัตกรรม มีคำถามว่าไทยสามารถทำได้หรือไม่ เรื่องนี้ซึ่งส่งผลต่อการจัดคุณภาพการศึกษาในประเทศนั้นๆ นอกจากนี้เราต้องดูแลสุขภาพ เด็กที่มีสุขภาพดี จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีในอนาคต เมื่อคนในประเทศมีสุขภาพดีการลงทุนด้านการแพทย์จะต่ำ เด็กต้องได้รับสารอาหารที่ดี ตอนนี้ทุกคนเข้าใจว่าเรามีอาหารดี แต่ เรากำลังประสบความปรวนแปรทางภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร  เรามีอาหารทานแต่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา ทั้งนี้เด็กจะมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำ ในการรับมือความท้าทายทางสภาพแวดล้อมในอนาคต

น.ส.หริสวรรณ ศิริวงศ์  กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ Buddy Thai Application  กล่าวในหัวข้อเปิดเทรนด์ใหม่เข้าใจ Gen Alpha ว่า เด็กในเจน Alpha  คือเด็กที่เกิดในปี ค.ศ. 2010- 2024 ขณะที่ประเทศไทยมีเจน Alpha 16.5 % เด็กเจนนี้มีสมาธิสั้น บางครั้งอายุ 7ขวบ อ่านหนังสือไม่ออก พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะเติบโตมากับแทปเล็ต มือถือบ่อยครั้งที่จะเห็นใช้มือซูมเข้าซูมออก หน้าหนังสือเหมือนกับแทปเล็ต นอกจากนี้ เด็กกลุ่มนี้ยังเติบโตในช่วงโควิดต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา ไม่มีโอกาสได้เล่นกลางแจ้ง  เวลานี้เกิดวิกฤติในเด็กต่ำกว่าสิบขวบในสหรัฐอเมริกาที่ต่อคิวซื้อสกินแคร์ และไม่ได้ซื้อชิ้นเดียว แต่ซื้อเป็นสิบชิ้นเพื่อแต่งหน้าเป็นสิบขั้นตอน จากนั้นมารีวิวแต่งหน้าโชว์ในTiktok จึงทำให้บริษัทที่ผลิตเครื่องสำอางต้องออกมาคิดค้นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ สำหรับเด็กต่ำกว่าสิบขวบ นอกจากนี้อาชีพในฝันของเด็กเจนนี้ ไม่ได้อยากเป็นยูทูปเปอร์หรือโปรแกรมเมอร์แล้ว อยากเป็นเจ้าของคาเฟ่มากกว่าเพราะมองว่าอิสระ และไม่ได้อยากเป็นเมื่อโตขึ้น อยากเป็นเมื่ออายุเท่านี้ ส่วนเรื่องการลงทุนเมื่อถามว่าเด็กมีเงินห้าหมื่น จะลงทุนซื้ออะไรระหว่างทองกับลาบูบู้ เด็กบอกว่าจะซื้อลาบูบู้มากกว่า เพราะซื้อง่ายขายคล่องมากกว่าทอง

น.ส.หริสวรรณ กล่าวว่า เด็กเจนAlpha จะห่างไกลคำว่าโรงเรียนมาก เพราะตั้งแต่โควิดมีการเรียนออนไลน์ ตลอดจนการเรียนโฮมสคูลใน 5 ปีที่ผ่านมาได้รับความนิยมมากขึ้น นอกจากนี้การไปโรงเรียนยังเจอปัญหาการบลูลี่ เช่นเดียวกันเด็กเจนนี้ยังมีความเป็นแฟชั่นสุดๆ เคยมีเหตุการณ์เด็กฆ่าตัวตายในสหรัฐอเมริกาเพราะไม่มีแก้วน้ำStanley  กลายเป็นค่านิยมที่ผิดเพี้ยน แก้วน้ำคือการแสดงออกทางสังคมอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นผู้ใหญ่อย่าเอาค่านิยมตัวเองมาตัดสินเด็ก  ทั้งนี้เด็กเจนนี้จะไม่รู้จักเรื่องของการแบ่งแยกเรื่องเพศ เขามองว่าผู้ชายก็ใส่กระโปรงได้ เวลานี้สถานที่ต่างๆเช่นสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ จะไม่กล่าวต้อนรับผู้เข้าเข้าชมว่าคุณผู้ชายผู้หญิงแล้ว นอกจากนี้เด็กเจนนี้จะซื้อสินค้าโดยดูข้อมูลจาก TikTokและดูข้อมูลใน X ว่ามีการทวิตสินค้าด้านลบหรือไม่ ดังนั้นในฐานะผู้ใหญ่จะเลี้ยงดูเด็กเจนAlpha ต้องประกอบด้วยทักษะ 5 ด้าน 1 ให้เด็กเรียนรู้กับสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้จากภายนอก 2.ต้องสอนให้เด็กมีมารยาทางสังคมออนไลน์  3.สอนให้เด็กมีทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ 4. ต้องรับฟังซึ่งกันและกัน  5.ผู้ใหญ่ต้องใส่ใจอารมณ์ของเด็กพอกับการเสริมทักษะทางวิชาการ