สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองนูเมอา ดินแดนนิวแคลิโดเนีย เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ว่าประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ดินแดนนิวแคลิโดเนีย และสั่งให้ทหารลงพื้นที่รักษาความปลอดภัยตามท่าเรือทุกแห่ง และท่าอากาศยานนานาชาติ ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. หลังเกิดจลาจลต่อเนื่องสองคืนก่อนหน้านั้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ถือเป็นสถานการณ์ความไม่สงบครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งเกิดขึ้นกับดินแดนแห่งนี้
ความวุ่นวายดังกล่าวเกิดขึ้น หลังสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศส ปรับเปลี่ยนกฎการลงคะแนนเสียง ของชาวนิวแคลิโดเนีย ซึ่งกลุ่มชาติพันธุ์คานัค ที่เคลื่อนไหวต้องการเอกราช มองว่าเป็นการลดทอนสิทธิการออกเสียง ตามระบอบประชาธิปไตย
ขณะเดียวกัน มาครงเรียกร้องการเจรจาระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม นายกาเบรียล อัตตาล นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า คำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉินรวมถึง “การแบนติ๊กต็อก” เนื่องจากเป็นโซเชียลมีเดียที่ใช้งานโดย “กลุ่มผู้ก่อการจลาจล”
ทั้งนี้ นิวแคลิโดเนีย ตั้งอยู่ระหว่างฟิจิกับออสเตรเลีย เป็นหนึ่งในดินแดนไม่กี่แห่งบนโลก ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของฝรั่งเศส แม้ผ่านพ้นยุคอาณานิคม โดยชาวนิวแคลิโดเนียลงประชามติครั้งล่าสุด เมื่อเดือน ธ.ค. 2564 ยืนยันว่า ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศสต่อไป
อนึ่ง รัฐบาลกลางในกรุงปารีสซึ่งปกครองดินแดนนิวแคลิโดเนีย ตั้งแต่ปี 2396 จัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้กับรัฐบาลนูเมอาปีละ 1,500 ล้านยูโรในปัจจุบัน (ราว 59,197.20 ล้านบาท) คิดเป็นมากกว่า 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของนิวแคลิโดเนีย และกองทัพฝรั่งเศสยังตั้งฐานทัพที่นี่ด้วย.
เครดิตภาพ : AFP